ค่าเงินบาทวันนี้ 26 มี.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.35 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
ค่าเงินบาทวันนี้ 26 มี.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.35 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.20-36.45 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุค่าเงินบาทวันนี้เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.35 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.30-36.40 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ที่มาพร้อมจังหวะย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ ก่อนที่เงินดอลลาร์จะรีบาวด์ขึ้นบ้างและแกว่งตัวในกรอบ sideways เช่นกัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่จะประกาศในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เลือกที่จะทยอยขายทำกำไรการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมาบ้าง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงทยอยขายทำกำไรหุ้นเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะ Meta -1.3%, Apple -0.7%, Alphabet -0.5% หลังทั้ง 3 บริษัทเสี่ยงถูกดำเนินการสอบสวนในประเด็นละเมิดกฎหมายควบคุมตลาดดิจิตอลโดยสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งหากมีความผิดจริงก็อาจกระทบต่อผลกำไรของบริษัทได้ ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Exxon Mobil +1% หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาดราว -0.31%
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นยังคงมีอยู่ และเงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ โดยในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงปลายเดือนทำให้ เรายังคงเห็นโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ อีกทั้งการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบต่อเนื่องในช่วงนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันเงินบาท ผ่านโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมัน นอกจากนี้ บรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินก็อาจกดดันให้ นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ดี เราคาดว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจยังเป็นไปอย่างจำกัดอยู่ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยเฉพาะ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็อาจไม่สามารถอ่อนค่าหนักได้ หลังทางการญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พร้อมเข้าแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินเยน ทำให้เรามองว่า เงินดอลลาร์ก็อาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นไปได้มากนัก จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะหากออกมาดีกว่าคาด และสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ก็จะยิ่งหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น จากความกังวลของผู้เล่นในตลาดว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ครั้งในปีนี้ เช่นเดียวกัน ควรจับตารายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของไทย เพราะหากไทยขาดดุลการค้ามากขึ้นและแย่กว่าคาด ก็จะเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงในระยะสั้นได้
อนึ่ง เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.20-36.45 บาทต่อดอลลาร์