เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง ส่งสัญญาณเตือนความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนทิสโก้ รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติ 10-1 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ตามที่ตลาดคาด ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นในอัตราที่มากสุดนับตั้งแต่ปี 1994 โดยมีนาง Esther George ประธาน Fed สาขา Kansas City ที่โหวตต่าง ต้องการให้ปรับดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.50%

สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า Dot plot ระบุ Fed จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 3.25-3.5% ณ สิ้นปีนี้ หรืออีก 1.75% ก่อนจะชะลอการปรับขึ้นเป็น 3.5-3.75% ในปี 2023 และอาจปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 3.25-3.5% ในปี 2024

ขณะที่ นาย Jerome Powell ประธาน Fed กล่าวถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป (ในวันที่ 26-27 ก.ค. 65) ว่า จากมุมมองในปัจจุบัน อาจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.50% หรือ 0.75% คล้ายกับการประชุมนี้ แต่การขึ้นในอัตราที่ 0.75% เป็นอัตราที่มากกว่าปกติ และไม่ได้คาดว่าจะขึ้นในอัตรานี้เป็นปกติในระยะข้างหน้า

ผลการประชุมที่ค่อนข้างเป็นไปตามที่ตลาดคาด และคณะกรรมการไม่ได้มีท่าที Hawkish ขึ้นมากกว่าที่คาด ทำให้ดัชนี S&P500 ปิดบวกเล็กน้อย +1.46% ส่วน Bond yield อายุ 10 ปี ปรับลดลงประมาณ -10bps สู่ระดับ 3.3%

อย่างไรก็ดี ในประมาณการเศรษฐกิจ Fed มีการส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดย Fed ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ และปีหน้า ลงเป็นเติบโตเพียง 1.7% เท่ากัน จากการประชุมครั้งก่อนที่จะขยายตัวถึง 2.8% และ 2.2% ตามลำดับ และปรับอัตราว่างงานปีนี้ และปีหน้าขึ้นเป็น 3.7% และ 3.9% จากประชุมครั้งก่อนที่ประเมินว่าจะทรงตัวที่ 3.5%