ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน คาดกระทบราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกในวงจำกัด

ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน คาดกระทบราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกในวงจำกัด

ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน คาดกระทบราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกในวงจำกัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ปรับตัวขึ้นแรงจากราว 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงเดือนมกราคมมาอยู่เหนือ 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์จากความกังวลต่อประเด็นความเสี่ยงที่รัสเซียจะบุกยูเครน

ซึ่งอาจทำให้มีการตอบโต้จากประเทศตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยปัจจุบันรัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับสองของโลกรองจากซาอุดิอาระเบีย และเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ไปยังยุโรป ดังนั้น ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามจึงเป็นความเสี่ยงต่ออุปทานพลังงานโลกที่ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม จากประเด็นข้างต้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่า ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนจะส่งผลกระทบจำกัดต่ออุปทานน้ำมันดิบโลก จาก 2 เหตุผล ได้แก่

ประการแรก ยุโรปกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนพลังงานอย่างหนัก จึงไม่น่าเลือกใช้มาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานเพื่อตอบโต้รัสเซีย เพราะหากคว่ำบาตรไม่นำเข้าพลังงานจากรัสเซียจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจยุโรปเป็นอย่างมาก

ประการที่สอง มาตรการคว่ำบาตรสินค้าพลังงานที่ผ่านมา คาดว่า ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียอย่างจำกัด โดยในปี 2557 สหรัฐฯ และยุโรปคว่ำบาตรบริษัทพลังงานของรัสเซีย เพื่อตอบโต้การบุกเข้ายึดครอง Crimea แต่มาตรการดังกล่าวส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียลดลงแค่เล็กน้อย และกระทบในระยะสั้นเพียงเดือนแรกเท่านั้น

อีกทั้งการผลิตน้ำมันของรัสเซียได้ฟื้นตัวกลับมามากกว่าระดับก่อนการคว่ำบาตรภายในเวลาเดือนเดียวหลังจากนั้น เนื่องจากรัสเซียสามารถส่งน้ำมันดิบไปขายในตลาดอื่นๆ ได้

นอกจากนั้น ราคาน้ำมันดิบมีความเสี่ยงปรับฐานแรง หากสหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ดูมีความคืบหน้ามากขึ้น หลังจากสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วน ซึ่งทำให้ความเป็นไปได้ที่การเจรจาจะได้ข้อสรุปในช่วง 1 - 2 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้น

อีกทั้งประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ยังมีแรงจูงใจที่จะเจรจาให้สำเร็จมากขึ้น เพื่อลดราคาพลังงานและแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ความนิยมของประธานาธิบดี รวมถึงพรรค Democrat ลดลง

หากการเจรจาประสบผลสำเร็จ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้คาดว่า อิหร่านจะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันได้อย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาเทรดอยู่ในช่วง 85-90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook