′เป๊ปซี่′เลิกผลิตกระป๋องไซส์เดิม พร้อมทุ่ม 70 ล้านบาท เปิดตัวแพคเกจจิ้งใหม่ ไซส์เล็ก 245 มล.

′เป๊ปซี่′เลิกผลิตกระป๋องไซส์เดิม พร้อมทุ่ม 70 ล้านบาท เปิดตัวแพคเกจจิ้งใหม่ ไซส์เล็ก 245 มล.

′เป๊ปซี่′เลิกผลิตกระป๋องไซส์เดิม พร้อมทุ่ม 70 ล้านบาท เปิดตัวแพคเกจจิ้งใหม่ ไซส์เล็ก 245 มล.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางเจษฎากร ธนาธิป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมภายใต้แบรนด์ เป๊ปซี่ มิรินด้า และน้ำดื่มอควาเลส เปิดเผยว่า

ได้ยกเลิกการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมแบบกระป๋อง ขนาด 325 มล. ราคา 14 บาท ในประเทศไทยแล้ว โดยแผนการทำตลาดต่อจากนี้ จะเน้นให้ความสำคัญกับรูปแบบกระป๋องสลิม ขนาด 245 มล. ราคา 12 บาท เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาสิ่งใหม่ๆ และเป็นขนาดที่พอเหมาะกับการดื่ม


นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์รูปแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ก็กำลังได้รับความนิยมสูง โดยมีสัดส่วนในตลาดถึง 70% แบ่งเป็นขวดเพ็ท 85% เป็นรูปแบบกระป๋อง 10 % และที่เหลือ 5% เป็นขวดแบบวันเวย์ ส่วนขวดแก้ว มีสัดส่วน 30% และในอนาคตเชื่อว่าจะถูกแทนที่จากขวดเพ็ทและกระป๋อง


พร้อมกันนี้เป๊ปซี่ยังได้ทุ่มงบ 70 ล้านบาท ในการเปิดตัว เป๊ปซี่ กระป๋องสลิม รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ขนาด 245 มล. ภายใต้แนวคิดเป๊ปซี่ สลิม แคน เท่ ซ่า ด้วยรูปแบบดีไซน์ลวดลายสไตล์ใหม่ป๊อปอาร์ต มีการพิมพ์รูป บียองเซ่ พรีเซ็นเตอร์เป๊ปซี่ โกลบอลลงบนกระป๋อง ซึ่งจะวางจำหน่ายเพียง 3 เดือนเท่านั้น ตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค. 2556 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

นางเจษฎากรเปิดเผยด้วยว่า สำหรับแบรนด์มิรินด้า ทั้งน้ำส้ม น้ำแดง และเซเว่นอัพ ก็มีการผลิตกระป๋องสลิมออกด้วยและได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว และเป๊ปซีแม็กซ์ ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. นี้ โดยจะอาศัยช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ด้านความพร้อมของกำลังการผลิตรูปแบบกระป๋อง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000 กระป๋องต่อนาที จากโรงงานในจ.ระยอง ปัจจุบันเป๊ปซี่มีส่วนแบ่งการตลาด 40 % ในช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาดน้ำดำที่ขายผ่านช่องทางนี้

 
ขอบคุณภาพ ig gracekanklao, pearypie, kalamare, punlapa, janesuda, gggubgib, pangkwankao, noeychotika

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ ′เป๊ปซี่′เลิกผลิตกระป๋องไซส์เดิม พร้อมทุ่ม 70 ล้านบาท เปิดตัวแพคเกจจิ้งใหม่ ไซส์เล็ก 245 มล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook