กฟผ.จ่อทุ่ม3แสนล.พัฒนาโรงไฟฟ้า-ระบบสายส่ง

กฟผ.จ่อทุ่ม3แสนล.พัฒนาโรงไฟฟ้า-ระบบสายส่ง

กฟผ.จ่อทุ่ม3แสนล.พัฒนาโรงไฟฟ้า-ระบบสายส่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า (56-60) กฟผ.มีแผนจะลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้า งบประมาณรวมกว่า 3 แสนล้านบาท โดยร้อยละ 60 เป็นการลงทุนโรงไฟฟ้า ส่วนอีกร้อยละ 40 เป็นการลงทุนระบบส่ง โดยการลงทุนโรงไฟฟ้า ประกอบไปด้วย โรงไฟฟ้าวังน้อย หน่วยที่ 4 / โรงไฟฟ้าจะนะ หน่วยที่ 2 / โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ หน่วยที่ 2 / โรงไฟฟ้าถ่านหินทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 4 - 7 ซึ่งจะสร้างเป็นโรงไฟฟ้าเพียงหน่วยเดียว แต่มีกำลังผลิตเท่ากับโรงไฟฟ้า ที่หมดอายุที่ 600 เมกะวัตต์ แต่ใช้ถ่านหินลดลงจาก 4 ล้านตันต่อปี เหลือ 2.6 ล้านตันต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2 ล้านตันต่อปี          นอกจากนี้ ยังมีโครงการขยายโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ลำตะคอง หน่วยที่ 3 และ 4 กำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ จากเดิมมีอยู่ 2 หน่วย ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 เมกะวัตต์ และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดแห่งใหม่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ ในจังหวัดกระบี่ เบื้องต้นอยู่ระหว่าง           สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ผู้ว่า กฟผ. ยอมรับว่า จะทำให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่ำลง สะท้อนผ่านค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ที่ลดลง 5.12 สตางค์/หน่วย รวมทั้งจะส่งผลดีต่อการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่ง กฟผ. ได้สนับสนุนให้บริษัทในเครือ เช่น บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง (RATCH )และ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งทั้ง กฟผ. และบริษัทลูกทั้งสองแห่ง มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำเพียง 0.5 เท่า จึงมีศักยภาพในการลงทุนอีกมาก และการออกไปลงทุนต่างประเทศ จะช่วยชะลอไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเกินไป โดยจะเลือกลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าและสายส่งกับอาเซียน และไทยได้รับประโยชน์จากการซื้อไฟฟ้าในราคา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook