Daily View - บล.กสิกรไทย

Daily View - บล.กสิกรไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาจฟื้นตัวตาม TIP market แนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์ในไซปรัสเริ่มเข้าสู่ความสงบ และการกลับมาเปิดทำการของธนาคารพาณิชย์เป็นไปโดยเรียบร้อยนอกจากนี้ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ GDP 4Q55 ของสหรัฐฯ ขยายตัว 0.4% QoQขยายตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.1% QoQ ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงแรงจากการที่นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในความผันผวนของตลาด ความกังวลทางการเมือง และตัวเลขเศรษฐกิจก.พ.ที่ชะลอตัวลงทั้งผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหรือMPI (ลดลง 1.2% YoY และต่ำสุดรอบ 10 เดือน) และการส่งออก (ลดลง 5.83%YoY) แต่ทั้งนี้ MPI ที่ลดลงเกิดจากวันทำการที่ลดลง ในขณะที่สินค้าส่งออกที่ชะลอส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสินค้าเกษตร (ข้าว ยาง กุ้ง) ในขณะที่ยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ยังแข็งแกร่ง ซึ่งเราอาจเห็นการฟื้นตัวของหุ้นที่เกี่ยวข้องหลังปรับลงแรงมาก่อนหน้า (SVI STANLY SAT) ทั้งนี้แรงซื้อในภูมิภาคเริ่มกลับมาชะลอตัวลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการที่ตลาดหุ้นไทยกลับมาเป็นlaggard ในกลุ่ม TIP market (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์) อาจสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดช่วงสั้น ทั้งนี้จากการที่ตลาดขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนในหุ้นขนาดใหญ่ การลงทุนจึงยังเน้นทยอยสะสม //สำหรับผู้ชื่นชอบหุ้นสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว แนะนำติดตามรายงานกลุ่มประกันภัยวันนี้ (29 มี.ค.) ซึ่งจะมีรายงานการวิเคราะห์หุ้น SMK BKI THRE โดยมี SMK เป็น Top pick ของกลุ่ม กลยุทธ์การลงทุน: คาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1520-1570 ในระยะสั้นอาจฟื้นตัวหลัง TIP market มีการเคลื่อนไหวเป็นบวก โดยอินโดนีเซียขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งแล้ว ในขณะที่ฟิลิปินส์อยู่ระหว่างทดสอบจุดสูงสุดเดิม อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์สำคัญเน้นการเลือกตัวหุ้นที่พื้นฐานดีและมีประเด็นเก็งกำไรที่ชัดเจนเพื่อรับความผันผวนของตลาด หุ้นแนะนำ  THAI  TISCO  MALEE สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (เมื่อ 20 มี.ค.) ขอเสี่ยงลดน้ำหนักการลงทุนเป็นครั้งที่สองในรอบ 11 เดือน ลง 10% เหลือ 60% (ครั้งแรกเมื่อ 22 ก.พ.) ซึ่งในส่วนของการซื้อต่อยอดสะสมระยะกลาง ขอเน้นเลือกซื้อใน ADVANC AP KTB TTA MAJOR STANLY PM TK PTT CPF TICONหุ้นแนะนำวันนี้ - THAI (ปิด 26.75 เป้าระยะสั้น 29.50-30.50 ขายเมื่อหลุด 25.00) Cabin Factorก.พ.อยู่ที่ 80.4% (ปีก่อน 79.0%) + Laggard play หุ้นท่องเที่ยว + เข้าสู่ highseason 4Q-1Q + ราคาซื้อขายเพียง0.89x PBV + คาดหุ้นมีโอกาสถูกปรับประมาณการขึ้น - TISCO (ปิด 55.25 เป้าระยะสั้น 57.00-60.00 ขายเมื่อหลุด 54.00) คาด Motor show หนุนสินเชื่อเติบโตโดดเด่น (2M13 สินเชื่อโตสูงสุดในกลุ่มธนาคารที่+4.42%YTD) + ROE สูงที่สุดในกลุ่มที่ 22.4% หุ้นธนาคารที่มี PER ต่ำที่ 9.2 เท่าและให้ Dividend yield +4.3% - MALEE (ปิด 140 เป้าระยะสั้น 148-160 ขายเมื่อหลุด 130) ผลประกอบการที่อ่อนตัว 4Q55 รับรู้ไปในราคาหุ้นแล้ว + คาดกำไร 56-57 เพิ่มขึ้น 21% และ 24% ทำให้หุ้นซื้อขายเพียง 12.4x และ 10.1x PER + เตรียมปรับลดพาร์จาก 2 บาท เหลือ 10บาท เพิ่มเพิ่มสภาพคล่อง + ราคาหุ้นยังมี upside อีก 32% จากราคาเหมาะสมที่ 185 บาท - Value stocks: PM TK OISHI KK/ Turnaround: TTA THAI TRUEปัจจัยที่ต้องติดตาม - 29 มี.ค. Thailand: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือน - 29 มี.ค. US: Stocks Market Closed – Easter Day (Good Friday) - 29 มี.ค. US: Personal Income and Outlays - 29 มี.ค. US: Consumer Sentiment - 30-31 มี.ค. Thailand: คณะรัฐมนตรีประชุมนอกสถานที่ จ.ฉะเชิงเทรา - 01 เม.ย. China: Manufacturing PMI - 01 เม.ย. Thailand: กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคม - 01 เม.ย. EU: PMI Manufacturing - 01 เม.ย. US: ISM Mfg Index - 02 เม.ย. EU: Euro-Zone Unemployment Rate - 02 เม.ย. US: Factory Orders - 03 เม.ย. Thailand: ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) - 03 เม.ย. Thailand: ธปท.ประกาศทบทวนตัวเลข GDP ปี 2556 - 03 เม.ย. China: Non-manufacturing PMI - 03 เม.ย. EU: PMI Service - 03 เม.ย. US: ADP Employment Report - 03 เม.ย. US: ISM Non-Mfg Index - 04 เม.ย. EU: ECB Announces Interest Rates - 04 เม.ย. US: Jobless Claims - 05 เม.ย. EU: Euro-Zone Retail Sales - 05 เม.ย. US: Employment Situation - 05 เม.ย. US: International Trade - 09 เม.ย. China: Consumer Price Index - 10 เม.ย. China: Trade Balance - 10 เม.ย. US: FOMC Minutes - 11 เม.ย. US: Jobless Claims - 11 เม.ย. US: Import and Export Prices - 12 เม.ย. EU(Event): Euro-Area Finance Ministers Meet in Dublin - 12-13 เม.ย. EU(Event): EU-27 Finance Ministers, Central Bankers Meet in Dublin - 12 เม.ย. EU: Euro-Zone Industrial Production - 12 เม.ย. US: Producer Price Index - 12 เม.ย. US: Retail Sales - 12 เม.ย. US: Consumer Sentimentบทวิเคราะห์วันนี้ - กลุ่มประกันวินาศภัยไทย : เราเริ่มต้นวิเคราะห์ธุรกิจประกันภัยไทยเป็นครั้งแรก โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มประกันภัยไทย จากการที่เบี้ยประกันภัยมีการเติบโตที่แข็งแกร่งตลอดระยะ 10 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 55 เบี้ยประกันภัยมีการเติบโตถึง 4 เท่าของ GDP ซึ่งเรามองในปี56 เบี้ยประกันภัยยังคงมีการเติบที่แข็งแกร่งถึง 15% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรถระบบจากยอดขายที่แข็งแกร่งในปี 55 รวมถึงยอดขายบ้านและคอนโดที่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นการลงทุนของภาครัฐมูลค่า 2.2ล้านบาท และการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 58 ที่ผลักดันให้ GDP ของไทยมีการเติบโตในระดับสูงอีก 1 ทศวรรษข้างหน้า จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในระยะยาว นอกจากนั้นเรามองบริษัทประกันภัยจะได้รับประโยชน์จากการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจากนโยบายการลงทุนรัฐบาลซึ่งจะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลใหร้ ยไดจ้ กการลงทุนของบริษัทประกันภัยเพิ่มสูงขึ้นและอัตราการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นด้วย ดังนั้นเรามองว่าการเข้าซื้อหุ้นประกันภัยในเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด โดยปัจจุบันเรามองราคาหุ้นของธุรกิจประกันภัยมีส่วนลดจากมูลค่าพื้นฐานที่สูงมาก ซึ่งเหตุผลสำคัญที่สุดคือ Liquidity ที่อยู่ในระดับที่ต่ำมาก แต่ถ้าหากเราศึกษาลงไปในเชิงลึก เราจะพบว่าธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่ดีมากธุรกิจหนึ่ง โดยธุรกิจประกันภัยไทยมีอัตราการทำกำไร อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูงกว่า ตลาดโดยรวม นอกจากนั้นบริษัทส่วนมากมีสถานะปลอดหนี้ (debt free) และมีอัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้หุ้นบริษัทประกันภัยบางตัวมีการเพิ่มของราคากว่า 10 เท่าในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เราจึงแนะนำ “overweight” กลุ่มประกันวินาศภัยไทย - SMK (ซื้อ ปิด 371.0 พื้นฐาน 660.0 +77.8%) เรามองว่า SMK ซึ่งเป็นผู้เล่นใหญ่อันดับ 2 ของเบี้ยประกันรถยนต์จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตของยอดขายรถยนต์ที่เติบโตแข็งแกร่ง นอกจากนั้น SMK ยังเป็นบริษัทประกันที่มีความสามารถในดำเนินธุรกิจประกันที่โดดเด่นมากจากการที่บริษัทไม่เคยมีผลขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจประกันภัยเลย รวมถึงในปี 54 ที่เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ บริษัทก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เทียบกับ BKI และ THRE ที่มีผลขาดทุนจากธุรกิจประกันภัยจำนวนมหาศาล นอกจากนั้นปัจจุบันราคาหุ้นของบริษัทยังคงเทรดโดยมีส่วนลดจากมูลค่าพื้นฐานสูงมาก เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนของบริษัทในปี 55 มีมูลค่าสูงถึง 445 บาท ต่อหุ้น เทียบมูลค่าหุ้นที่ 371 บาท ซึ่งตามกฎหมายแล้วหากบริษัทหยุดดำเนินงาน สินทรัพย์ลงทุนทั้งหมดหลังหักการตั้งสำรองค่าเสียหาย ซึ่งอย่างมากไม่เกิน 20%จะตกเป็นของผู้ถือหุ้น ดังนั้นเราจึงแนะนำ ซื้อ SMK ที่มูลค่าพื้นฐาน 660 บาท โดยมีอัพไซด์ถึง 77.8% จากราคาปิด - BKI (ซื้อ ปิด 381.0 พื้นฐาน 565.0 +48.3%) สำหรับ BKI เรามองว่าบริษัทจะเริ่มกลับมามีกำไรจากการรับประกันภัยอีกครั้งในปี 56 โดยกำไรจะมีการเติบโตถึง 153% จากปี 55นอกจากนั้นเรามองว่าจุดเด่นของ BKI อยู่ที่ความสามารถในการลงทุนที่โดดเด่นจากการที่รายได้จากการลงทุนของบริษัทสูงกว่ารายจ่ายทางการดำเนินงานทั้งหมด ซึ่งเรามองว่าเป็นcompetitive advantage ที่สำคัญของ BKI ข้อหนึ่ง ถ้าหากเรามองที่ ROE ของ BKI ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 5-7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งเราพบว่าเป็นผลมาจากการที่บริษัทมี capital gain จากการลงทุนกว่า 16,000 ลบ ในปี 55 หรือคิดเป็นผลตอบแทนมากกว่า 100%จากเงินลงทุน ซึ่งการหา ROE ที่แท้จริงจะต้องตัดรายการดังกล่าวออกไป ทำให้เราพบว่า ROEของ BKI ในปี 53 จะอยู่ที่ระดับสูงมากถึง 17% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 49 ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 54 เรามองว่า ROE ของ BKI จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 20%ทำให้เรามองว่าราคาหุ้นของ BKI ที่ระดับปิด ที่ 381บาท เทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ลงทุน 364บาท ต่อหุ้น ณสิ้นปี 55 เท่ากับนักลงทุนจะจ่ายเงินเพียง 17 บาทต่อหุ้น สำหรับธุรกิจประกันภัยหรือเพียง 2 เท่า PER ทำให้เราเชื่อว่าราคาหุ้นของ ณ ปัจจุบันของ BKI ยังคงน่าสนใจ โดยมี upside ถึง 48.3% จากมูลค่าพื้นฐานของเราที่ 565 บาท เราจึงแนะนำ ซื้อ - THRE (ซื้อ ปิด 5.15 พื้นฐาน 6.5 +26.2%)สำหรับ THRE เรามองธุรกิจประกันภัยจะกลับมาเริ่มฟื้นตัวในปี 56 และคาดว่าจะกลับมาสู่ระดับปกติในปี 57 จากการที่บริษัทเริ่มมีกำไรจากธุรกิจประกันใน ไตรมาส 3 และ 4 ในปี 55 ประเด็นลงทุนที่สำคัญของ THRE คือการบริษัทมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินกิจการมาในทางรุกมากขึ้น โดยเน้นการพัฒนาผลิต Product ใหม่กับบริษัทประกันภัยในไทยโดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทที่นำ Product ใหม่ของทาง THRE ไปขายจะต้องส่งเบี้ยประกันภัยต่อกลับมาที่ THRE อย่างน้อย 50% ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันเบ็ดเตล็ดของทาง THRE เติบโตขึ้นมากประมาณ เกือบ 96% ในปี 54 นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายช่องทางการหารายได้ไปสู่ธุรกิจการให้บริการซึ่งมีการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่า 27.0% ต่อปีตั้งแต่ปี 2550-2555 และการเติบโตของธุรกิจ THRE life ที่มีการเติบโตที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมประกันชีวิต ซึ่งในปี 55 มีการเติบโตสูงถึง 18.7% ขณะที่เบี้ยประกันภัยต่อของธุรกิจประกันชีวิตก็มีการเติบโตสูงถึง 21.7% และจากการที่ penetration rate ของประกันชีวิตไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกทำให้เราเชื่อว่าการเติบของ THRE life ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส และจากการที่ในอนาคตคนไทยจะมีอายุที่ยาวนานขึ้นเรื่อยจะทำให้กำไรของธุรกิจประกันชีวิตปรับตัวดีขึ้นด้วย ดังนั้นเราคาดว่า THRE จะรายงานกำไรในปี 56 อยู่ที่ 767 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลขาดทุนกว่า 4349 ลบ ในปี 55 โดย Key growth ยังคงมาจากเบี้ยเบ็ดเตล็ดและประกันชีวิต ซึ่งเราคาดว่าจะคงสัดส่วนถึง 85% ในปี 56 ขณะที่เบี้ยประกันรับสุทธิยังคงเติบโตที่อัตรา 12% YoY สำหรับ THRE เรามองราคาหุ้นก็ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างมากหลังจากเหตุการณ์ แต่ยังคงมี upside ที่น่าสนใจ 26.2% จากมูล่คาพื้นฐาน เราจึงแนะนำ ซื้อ ที่มูลค่าพื้นฐาน 6.5 บาท - BJC (ขาย ปิด 76.75 พื้นฐาน 50.00 -34.9%) เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสม BJC ขึ้นเป็น 50 บาท จาก 48.5 บาท หลังรวมแผนเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2557-60 และการซื้อกิจการไทยอันแม้การซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้ BJC เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามและมีโอกาสการเติบโตในอนาคต แต่ส่วนแบ่งกำไรยังน้อยเพียง 2% ของกำไร BJC ประกอบกับแผนการเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกทั้งรูปแบบร้านขายยา, ออนไลน์ และ ร้านสะดวกซื้อในเวียดนาม แม้จะเป็นแผนการที่ดีแต่ยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ เรามองว่าความคาดหวังที่นักลงทุนที่มีต่อประโยชน์จาก F&N และการเข้าซื้อกิจการของบริษัทมีสูงและอาจผิดหวังหากกำไรของบริษัทไม่เพิ่มสูงตามคาดหรือดีลการซื้อกิจการไม่ใหญ่พอ จากราคาหุ้นที่แพงซื้อขายที่ 43 เท่า PER คงคำแนะนำ ขายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด - เศรษฐกิจไทย: ส่งออกเดือนก.พ.56 หดตัวลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ก.พาณิชย์ รายงานการส่งออกเดือนก.พ.56 หดตัวลง -5.83%YoY คิดเป็นมูลค่า 17,928 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ขณะที่การนำเข้าขยายตัว +5.27%YoY คิดเป็นมูลค่า19,185 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขาดดุลการค้าราว 1,557 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐและญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ยังเป็นผลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการปรับตัวแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อ SMEs เป็นหลัก - ช่วง 2M56 การส่งออกขยายตัว +4.09%YoY มูลค่า 36,196 ล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าขยายตัว +22.24%YoY มูลค่า 43,240 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขาดดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 7,044 ล้านดอลลาร์ - ก.พาณิชย์ ยังคงคาดว่าการส่งออกของไทยปี 2556 จะขยายตัว +8.0-9.0%YoY - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการส่งออกของไทยปี 2556 จะขยายตัว +8.0-13.0%YoY โดยประเมินว่าการส่งออกของไทยในช่วงหลายเดือนข้างหน้ายังมีโอกาสที่จะกลับมาบันทึกตัวเลขการเติบโตขึ้น ตามอานิสงค์จากประเทศคู่ค้าหลักสรุปภาวะตลาด - DJIA ปิด 14,578.54 จุด +52.38 จุด (+0.36%) S&P500 ปิด 1,569.19 จุด +6.34 จุด (+0.41%) Nasdaq ปิด 3,267.52 จุด +11.0 จุด (+0.34%) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังจากสหรัฐปรับเพิ่มการประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ไตรมาส 4/2555 และจากข่าวที่ว่าธนาคารในไซปรัสเริ่มเปิดทำการอีกครั้งเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ - NYMEX ส่งมอบ พ.ค. อยู่ที่ USD97.23/bbl +0.65(+0.7%) สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบ เม.ย. อยู่ที่ USD1,595.7/ounce -11.5(-0.72%) สัญญาราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรง หลังจากสหรัฐปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไตรมาส 4/2556 ขณะที่สัญญาราคาทองคำปรับตัวลง เนื่องจากการขยายตัวของ GDP สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสรุปข่าวประจำวัน ต่างประเทศ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2556 ครั้งสุดท้าย โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 4 ขยายตัว 0.4% สูงกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ 0.1% (อินโฟเควสท์) - สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนมี.ค.56 ขณะที่อัตรายอดสั่งซื้อใหม่ลดลง ทั้งนี้ ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจลดลงสู่ 52.4 ในเดือนมี.ค.56 จาก 56.8 ในเดือนก.พ.56 ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ที่ระดับ 56.5 (รอยเตอร์) - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มี.ค.56 เพิ่มขึ้น 16,000 ราย สู่ 357,000 ราย สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 340,000 ราย (รอยเตอร์) - สำนักงานแรงงานของรัฐบาลกลางเยอรมนีเปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 13,0000 คน แตะ 2.935 ล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานของเยอรมนียังมีความไม่แน่นอน หลังจากที่ชาวเยอรมนีที่ว่างงานในเดือนก.พ.อยู่ในระดับทรงตัว ส่วนอัตราว่างงานในเดือนมี.ค. ทรงตัวที่ 6.9% จากเดือนก.พ.ซึ่งทรงตัวจากเดือนม.ค. ขณะที่มีการปรับเพิ่มอัตราว่างงานในเดือนม.ค.เป็น 6.9% จากเดิมที่รายงานไว้ที่ 6.8% (อินโฟเควสท์)ข่าวบริษัท - AIT จ่อแตกพาร์ 1 บาท รับทุน'มาร์คโมเบียส’ สนใจลงทุน 10-15% - แจกวอร์เพิ่มฟรีโฟลต แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยีเล็งแตกพาร์ 1 บาท พร้อมแจกวอร์แรนต์ เพิ่มสภาพคล่องรับการลงทุนของกองทุนเทมเพิลตัน 10-15% ฝรั่งชอบพีอีต่ำ แต่กำไรสูง (ข่าวหุ้น) - PREB ส่งซิกกำไรนิวไฮ รายได้ทะยาน5พันล้าน \"พรีบิลท์\" ส่งซิกกำไรปีนี้นิวไฮ วางเป้ารายได้พุ่ง 5,000 ล้านบาท หลังมีแบ็กล็อกรอบุ๊ครายได้กว่า 7,600 ล้านบาท เดินหน้าประมูลงานใหม่กว่า 4,000 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกสิ้นปีแตะหมื่นล้านบาท เล็งขายหุ้นเพิ่มทุน 23 ล้านหุ้น (ข่าวหุ้น) - BJC ผลงานเด่น ยอดขายพุ่ง20% \"BJC\" ลุ้นไตรมาส 1/56 ยอดขายโตกว่า 20% เริ่มบุ๊คยอดขายไทอันฯ คาดตั้งแต่ไตรมาส 2/56 เติบโตก้าวกระโดด ยันโตก้าวกระโดด ยันปีนี้โตมากกว่า 15% (ข่าวหุ้น) - PTTEP มั่นใจงบปีนี้โตกว่าปีก่อน ย้ำเป้าขาย3.1 แสนบาร์เรล ลุ้นมอนทาราทันเม.ย.\"ปตท.สผ.\" มั่นใจปีนี้เติบโตแน่นอน ย้ำเป้าปริมาณขายทั้งปีพุ่ง 3.1 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่วนไตรมาสแรกขายแตะ 2.88 แสนบาร์เรลต่อวัน ลุ้นเดินเครื่องมอนทาราทันเม.ย.นี้ (ข่าวหุ้น) - JMT ชนะประมูลซื้อหนี้44.34 ล้าน หนุนรายได้ปีนี้โตตามนัด25-30% \"JMT\" ชนะประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากแบงก์ธนชาต มูลค่า 44.34 ล้านบาท คาดอัตราผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายการซื้อหนี้อยู่ที่10–2% “ปิยะ” เผยอยู่ระหว่างประมูลหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มต่อเนื่องหนุนรายได้ปีนี้โตอีก 25-30% (ข่าวหุ้น) - CSL แย้มรายได้ปีนี้โต5% ทุ่มงบลงทุน400ล้าน ขยายศูนย์รับฝากข้อมูล CSL คาดรายได้ปี 56 เติบโต 4-5% จากปีก่อน จากธุรกิจ IDC, Cloud, ออนไลน์ และโมบายแอพพลิเคชั่น หลังไตรมาส 1/56 มีการเติบโตปกติ ส่วนกำไรเชื่อโตดีกว่าปีก่อน พร้อมทุ่มงบลงทุน 300-400 ล้านบาท ขยาย IDC ลั่นชัดยังไม่สนตลาด AEC เชื่อตลาดในประเทศยังมีช่องขยายได้ (ข่าวหุ้น) - รฟม.’เคาะจ้าง BMCL เดินรถ 1 สถานีจากเตาปูน-บางซื่อ เชื่อมสีม่วงกับน้ำเงิน บอร์ด \"รฟม.\" เห็นชอบใช้การจ้างแบบ PPP Net Cost เจรจา BMCL เดินรถเชื่อมต่อ 1 สถานี จากเตาปูน-บางซื่อ เชื่อมสีม่วงกับน้ำเงิน มองตามกายภาพแล้วเหมาะสมได้ราคาถูก สั่งศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนเจรจากับเอกชน (ข่าวหุ้น) - SMT รายได้Q1/56ทะลุ126ล. วางแผนอัพกำลังผลิตรอบใหม่ SMT แย้มผลงานโค้งแรกไปได้สวยประเมินโตสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เคยทำไว้ 126.60 ล้านบาท หลังออเดอร์ลูกค้าใหม่และเก่าทะลัก เตรียมเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีกรอบ (ทันหุ้น) - NNCL ลุ้นกำไรQ1แจ่มแจ๋ว จ้องซื้อที่ดินรับลูกค้าญี่ปุ่น NNCL เริงร่าเอสเอ็มอีญี่ปุ่นแห่งตั้งฐานผลิตในไทยหลังเปิดโต๊ะเจรจากับลูกค้าแล้ว 70-80 ราย แย้มเตรียมโอนที่ดินให้รายใหญ่ 2 รายมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท พร้อมลุ้นกำไร Q1/2556 สดใส จ่อบุ๊กเงินชดเชยจากประกันเข้ารมาอีก 40 ล้านบาท (ทันหุ้น) - IFS ปูพรมธุรกิจโตเกิน20%SMEญี่ปุ่นหนุน IFS ปูพรมแดงฐานธุรกิจปี 2556 กำไร-รายได้โตเกินเป้า 20% หลังภาพรวมเศรษฐกิจยังร้อนแรง แถมนักลงทุนญี่ปุ่น และเกาหลีเรียงคิวของBOI เข้าลงทุน แย้มอานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์ดันฐานแฟกตอริ่งพุ่งพรวด วางแผนใช้กระแสเงินสด 2-3 พันล้านบาท ติดเครื่องธุรกิจเต็มสูบ (ทันหุ้น)ข่าวเศรษฐกิจ / อุตสาหกรรม - พิษบาทแข็งฉุดดัชนีอุตฯ ดิ่งเหว ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.ลดต่ำสุดรอบ 10 ปีเหตุบาทแข็ง-เศรษฐกิจโลกซบเซา สศอ.เผย 2 เดือนบาทแข็งค่า 4.05% ทำมูลค่าส่งออกสินค้าอุตฯ ลดลงไป 3.5 หมื่นล้านบาท ระบุหากเงินบาทเฉลี่ยทั้งปีที่ 29.80 บาท สูยกว่า 2 แสนล้านบาท (คมชัดลึก) กิจพล ไพรไพศาลกิจ Kitpon.p@kasikornsecurities.com +662 696-0057 ปณิธิ จิตรีโภชน์ Paniti.j@kasikornsecurities.com, +662 696-0053 โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 29 มี.ค. 2556

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook