เอกชนหนุนเกษตรกรรุกตลาดสุขภาพ ดันข้าวหอมมะลิออร์แกนิกสู่ตลาดโลก คาดโกยเงิน 250 ล้าน

เอกชนหนุนเกษตรกรรุกตลาดสุขภาพ ดันข้าวหอมมะลิออร์แกนิกสู่ตลาดโลก คาดโกยเงิน 250 ล้าน

เอกชนหนุนเกษตรกรรุกตลาดสุขภาพ ดันข้าวหอมมะลิออร์แกนิกสู่ตลาดโลก คาดโกยเงิน 250 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น.ส.กรชวัล สมภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาสนใจรักสุขภาพมากขึ้น ทำให้ตลาดข้าวหอมมะลิออร์แกนิกมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และเชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้ขึ้นอีก สืบเนื่องจากตลาดทั้งในไทย และต่างประเทศ อาทิ จีน ยุโรป อาหรับ ยังมีความต้องการอีกมาก ผนวกกับกำลังการผลิตที่สามารถผลิตได้ 50-120 ตันต่อวัน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงเป็นโอกาสของตลาดดังกล่าวนั้น กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จึงได้รุกหนักในตลาดข้าวหอมมะลิออร์แกนิก ทั้งในและนอกประเทศ โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ปีนี้จะผลิตได้ 30,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ประมาณ 10,000 ตัน

459888น.ส.กรชวัล สมภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีแปลงนาปลูกข้าวหอมมะลิออร์แกนิกในพื้นที่ของกลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดในภาคอีสาน ได้แก่ ร้อยเอ็ด, สุรินทร์, มหาสารคาม, ศรีสะเกษ และยโสธร รวมกว่า 50,000 ไร่ โดยเป็นแปลงนาของกอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำนวน 500 ไร่ ซึ่งกอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ ได้วางเป้าหมายที่จะขยายคลัสเตอร์แปลงนาให้เพิ่มมากขึ้น คาดว่าใน 5 ปีจะมีคลัสเตอร์แปลงนารวม 200,000 ไร่ทั่วประเทศ ในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 2563 ของกอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ คาดว่า จะสร้างรายได้มากกว่า 250 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 กว่า 500% หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท

459889

“จุดเริ่มต้นของเรา เกิดจากแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจอาชีพเกษตรกรไทย ในฐานะที่เป็นลูกหลานที่เกิดในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ที่เห็นราคาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ตกต่ำอย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี และเกษตรกรไทยยังยากจน ทั้งที่ข้าวหอมมะลิของเรามีความต้องการสูงมากในตลาดโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้กลับมาประกอบอาชีพในผืนนาของพ่อแม่ และร่วมกันพัฒนาบ้านเกิดให้เป็นฐานการผลิตข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลกและต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวที่มีคุณภาพสูงออกสู่ตลาดโลก เพื่อให้ชาวนาไทยไม่ยากจนด้วยเกษตรนวัตกรรม เพราะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของราคาข้าวหอมมะลิออร์แกนิกในไทยอยู่ที่ 250 บาทต่อกิโลกรัม และตลาดต่างประเทศอยู่ที่ราคา 500-1,000 บาทต่อกิโลกรัม และตอนนี้เรายังถือเป็นบริษัทที่รับซื้อข้าวที่ให้ราคาดีที่สุดด้วย คือ ให้ราคาอยู่ที่ 16,000-20,000 บาทต่อตัน” น.ส.กรชวัล กล่าว

459892

นางสาวกรชวัล กล่าวต่ออีกว่า การทำตลาดของกอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซนั้น โดยในประเทศ ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น มีทั้งแบบ B2B และ B2C โดยมีช่องทางการจัดจำหน่าย อาทิ ท็อปส์ มาร์เก็ต, เดอะมอลล์, เซเว่น อีเลฟเว่น, ไปรษณีย์ไทย และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ส่วนตลาดต่างประเทศ (โมเดลแบบ B2B) กำลังเตรียมพร้อมในการจำหน่ายผ่านทางบริษัทคู่ค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดกลุ่มสำคัญ ได้แก่ ตลาดกลุ่มประเทศ IOC จีน พร้อมวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการ เน้นเจาะกลุ่มตลาดพรีเมี่ยมในต่างประเทศ อาทิ ในปี 2563-2565 จะผลิตและแปรรูปข้าวทุกสายพันธุ์ในประเทศ โดยเป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองการวิจัยทั้งในประเทศและระดับสากล ซึ่งในอนาคตจะเป็นสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าสูงให้กับทางบริษัท ขณะเดียวกันเตรียมเป็นบริษัทรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งในขณะนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือน ธ.ค. 2563

459895

“การกำหนดกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อตอบโจทย์และสอดคล้องกับเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทย โดยการนำผลงานวิจัยมาช่วยในเรื่องภาคการเกษตร เพื่อยกระดับมาตรฐานให้กับเกษตรกรไทย ให้สามารถลงมือทำได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งแนวทางที่ทางบริษัทได้ดำเนินการพร้อมแผนรองรับใน 5 ปี เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืน” น.ส.กรชวัล กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook