คลังย้ำหุ้นไทยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่อตั้งกองทุนพยุงหุ้นคาดชัดเจน 16 มี.ค. นี้

คลังย้ำหุ้นไทยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่อตั้งกองทุนพยุงหุ้นคาดชัดเจน 16 มี.ค. นี้

คลังย้ำหุ้นไทยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่อตั้งกองทุนพยุงหุ้นคาดชัดเจน 16 มี.ค. นี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวถึงกรณีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหยุดการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) ถึง 2 วันติดต่อกัน ในวันที่ 12-13 มีนาคมที่ผ่านมา หลังดัชนีหลักทรัพย์เกิดความผันผวนอย่างหนัก โดยเป็นผลกระทบทางจิตวิทยาของนักลงทุนที่ตื่นตระหนกต่อข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งลุกลามและอาจกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก

1314789นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง)

ซึ่งมาตรการดูแลตลาดทุนนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หามาตรการดูแลตลาดหุ้นในภาวะผันผวน เช่น การขายหุ้นโดยไม่มีในมือ (Short Sell) ต้องหาแนวทางที่จะสั่งห้ามไม่ให้มีการขายชอร์ตหุ้นในช่วงนี้ได้หรือไม่ และการบังคับขายหุ้นที่ซื้อโดยใช้ Margin (Forced Sell) จะผ่อนปรนอย่างไรได้บ้าง

ส่วนการจัดตั้งกองทุนสร้างเสถียรภาพตลาดทุน หรือกองทุนพยุงหุ้น ซึ่งในอดีตเมื่อปี 2546 เคยจัดตั้งกองทุนวายุภักดิ์มาแล้ว ปลัดกระทรวงการคลังกำลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางที่เหมาะสม ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ จะชัดเจนมากขึ้นในวันจันทร์ที่ 16 มีนาคมนี้

“ขอให้พี่น้องประชาชน ตื่นตัวแต่อย่าตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจกับมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล ปัจจุบันท่านนายกรัฐมนตรีบัญชาการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดการบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การทำงานต้องกระชับ ฉับไว และทันต่อสถานการณ์ ที่สำคัญต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไม่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสับสน” นายชาญกฤช กล่าว

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับวิกฤติการณ์โรคระบาดมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโรคซาร์สในปี 2546 ไข้หวัดนกในปี 2549 ไวรัสเมอร์สในปี 2556 จนถึงไข้ซิกาในปี 2559 จากสถิติที่มีการรวบรวมเอาไว้พบว่า โดยภาพรวมไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก จึงขอให้มองวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี จ่ายปันผลสูง และมีราคาถูกลง เหมาะแก่การสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า มีหุ้นถึง 448 บริษัทที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ สูงกว่าราคาหุ้นขณะนี้ หุ้นที่มีราคาถูกสุดในรอบ 5 ปี มีถึง 231 บริษัท ส่วนหุ้นที่จ่ายปันผลในอัตราร้อยละ 5-7.5 มีจำนวน 43 บริษัท จ่ายปันผลอัตราร้อยละ 7.5-10 จำนวน 17 บริษัท และจ่ายปันผลสูงกว่าร้อยละ 10 จำนวน 6 บริษัท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook