โคอะลา มาร์ช ทุ่มสุดใจช่วยเหลือ “โคอาลา” ที่ออสซี่ แถมกำไรทั้งปีที่ผ่านมาก็ดี๊ดี

จากสถานการณ์ไฟป่าในประเทศออสเตรเลียเมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมาได้ลุกไหม้และลามข้ามปีใหม่นั้น จนคนทั่วโลกแห่ให้กำลังใจพลเมืองออสซี่กันล้นหลาม รวมถึงบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ-ฟื้นฟูความเสียหายให้กับประเทศออสเตรเลียด้วย

>> "ไฟป่าออสเตรเลีย" ทวีความรุนแรงใน 4 รัฐ สัตว์ป่าตายแล้วเกือบ 500 ล้านตัว

>> ออสเตรเลียเผย รวบ "มือวางเพลิง" ต้นเหตุไฟป่าครั้งหายนะได้นับร้อยราย

>> ไฟป่าออสเตรเลีย จ่อเผาเมืองเล็กๆ ใกล้เพิร์ธ ทางการออกคำเตือนฉุกเฉิน-หนีด่วน

แม้ว่าไฟป่าจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาคือในโลกโซเชียลมีการแชร์ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับการรับอุปถัมภ์โคอาลาที่ประสบภัยป่าในประเทศออสเตรเลียด้วย อีกยังมีชาวเน็ตแชร์สัญลักษณ์ “Savethekoala” ที่ติดอยู่กับขนมขบเคี้ยวของแบรนด์โคอะลามาร์ช ถือเป็นการช่วยเหลือโคอาลาที่ออสซี่ในทางอ้อมได้อีกด้วย

 

บางคนอาจสงสัยว่า แบรนด์ “โคอะลามาร์ช” เกี่ยวข้องอย่างไรถึงการช่วยเหลือ “โคอาลา” ในครั้งนี้ Sanook Money มีเรื่องดีๆ มาฝากกัน

ข้อมูลจากเว็บไซต์ ลอตเต้ ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า บริษัท ลอตเต้ เป็นสมาชิกในมูลนิธิโคอาลาออสเตรเลีย (Australian Koala Foundation : AKF) และให้การสนับสนุนเงินผ่านกองทุนดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือ คุ้มครองในการวิจัยด้านต่างๆ เกี่ยวกับโคอาลา จัดตั้งขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 20 หลังจำนวนโคอาลาในออสเตรเลียลดลงจาก 3 ล้านตัว เหลือน้อยกว่า 100,000 ตัว ที่ได้รับผลกระทบจากการล่าสัตว์, ไฟป่า รวมถึงการพัฒนาขยายเมือง เป็นต้น

เห็นได้ชัดว่าผู้ผลิตขนมสัญชาติญี่ปุ่นสนับสนุนช่วยเหลือ “โคอาลา” ที่ประเทศออสเตรเลียนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มทำในภายหลัง เมื่อพูดถึงแบรนด์โคอะลามาร์ชแล้ว จะไม่พูดถึงรายได้บริษัทของผู้ผลิตขนมดังกล่าวได้อย่างไร

ต้องบอกว่าบริษัทที่ผลิตขนมโคอาลาร์ช ในประเทศไทย คือ บริษัท ไทยลอตเต้ ที่ไม่ได้ผลิตแค่ขนมดังกล่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงขนมท็อปโป, หมากฝรั่ง Xylitol, หมากฝรั่งฟูเซ็น โน มิ และหมากฝรั่งเพปเปอร์มินต์ เป็นต้น ดังนั้น รายได้บริษัทฯ จะมาจากขนมหลายแบรนด์

จากการตรวจสอบข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ชื่อ บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2531 โดยมีคณะกรรมการเป็นคนญี่ปุ่นรวม 6 คน และคนไทย 1 คน ดำเนินธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายหมากฝรั่งผลิตและจำหน่ายบิสกิตสอดไส้ต่างๆ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 3,013 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

• ปี 2559 รายได้ 1,560 ล้านบาท ขาดทุน 8.29 ล้านบาท
• ปี 2560 รายได้ 1,579 ล้านบาท ขาดทุน 48 ล้านบาท
• ปี 2561 รายได้ 1,580 ล้านบาท กำไร 19.79 ล้านบาท