ช่องว่าง"คนจน-คนรวย"เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี อุปสรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต

02 พ.ย. 55 (03:05 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

รายงานฉบับล่าสุดระบุว่า ช่องว่างของความไม่เท่าเทียมด้านความมั่งคั่งของคนทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี และกำลังขยายตัวออกมากขึ้น

รายงานโดยกลุ่มเซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save The Children) ระบุว่า แม้การลดอัตราการตายของเด็กจะมีความก้าวหน้าขึ้น แต่ช่องว่างระหว่างคนร่ำรวยและยากจนกลับเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนามาตฐานคุณภาพชีวิต

จัสติน ฟอร์ซิธ ผู้บริหารเซฟ เดอะ ชิลเดรน เปิดเผยว่า ในช่วงกว่าสิบปีที่ผานมา การลดอัตราการตายในเด็กและเสริมสร้างโอกาสมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

แต่กลับกลายเป็นว่าช่องว่างความไม่เท่าเทียมกลับไม่ได้ลดลง ดังนั้นกรอบการทำงานในอนาคต จะไม่เพียงแค่รักษาระดับสิ่งที่ดีขึ้นเท่านั้น

แต่ควรเป็นการมุ่งเน้นให้ประเทศต่างๆและทั่วโลกเกิดความมั่งคั่งและความเติบโตไปพร้อมๆกัน

นักวิจัยจากกลุ่มเซฟ เดอะ ชิลเดรน พบว่า ส่วนใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนา 32 ประเทศที่ทำการศึกษา กลุ่มคนร่ำรวยมีบทบาทต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ประจำชาตินับตั้งแต่ยุค 1990 เป็นต้นมา

โดย 1 ใน 5 ของประเทศดังกล่าว รายได้ของกลุ่มที่ยากจนที่สุดลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน

ช่องว่างระหว่างสองกลุ่มเริ่มชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะในเด็กๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ก่อให้เกิดความไม่สอดคล้องกันในปัจจัยหลักหลายประการ

ยกตัวอย่างเช่น ในแทนซานีย อัตราการเสียชีวิตของเด็ก 1 ใน 5 ของกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุด ลดลงจาก 135 เป็น 90 คน ต่อการเกิด 1,000 ครั้ง

ในช่วงระหว่างที่มีการทำวิจัย ขณะที่คนที่ยากจนที่สุุด 1 ใน 5 อัตราการตายแทบไม่มีความก้าวหน้ามากนัก โดยอัตราการเสียชีวิตของทารกลดลงจาก 140 เป็น 137 ราย ต่อการเกิด 1,000 ครั้ง