ดัชนีดาวโจนส์ลดลง31.26จุด

ดัชนีดาวโจนส์ลดลง31.26จุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) ปรับตัวลง 31.26 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 12,573.27 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.69 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 1,334.76 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 21.79 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 2,866.19 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนคนว่างงานปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม   รายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 ซึ่งตรงข้ามกับที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้ โดยเฟดระบุว่า เฟดได้ตัดสินใจขยายเวลาการใช้มาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปี 2555 ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ และขายพันธบัตรระยะสั้นประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีในวงเงินเท่ากัน   ในการประชุมครั้งนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ด้วย โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.9-2.4% ในปี 2555 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ 2.4-2.9% พร้อมกับคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ 8-8.2% ในปี 2555 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ระดับ 7.8-8%   นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังระดับโลก กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ในวันนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐส่งสัญญาณการฟื้นตัวก็ตาม   การแสดงความคิดเห็นของบัฟเฟตต์ รวมทั้งความผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE3 ได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แม้สหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วที่ลดลง 26,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ มาอยู่ที่ 350,000 ราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 และจะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และยอดค้าปลีก   ขณะที่  นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของจีนจะขยายตัวต่ำกว่า 8% เนื่องจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศซบเซาลงอย่างมาก   นอกจากนี้ จับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.ค.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook