"เอสเอ็มอีแบงก์" จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 1% ต่อปี กู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาท

"เอสเอ็มอีแบงก์" จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 1% ต่อปี กู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาท

"เอสเอ็มอีแบงก์" จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 1% ต่อปี กู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

SME Development Bank จัดสินเชื่อดอกเบี้ยถูก 1% ผนึก 5 หน่วยงานผลักดันเถ้าแก่ 4.0 เชื่อม Big Data พลิกโฉมเอสเอ็มอีสู่ยุคดิจิทัล

 

"เอสเอ็มอีแบงก์" ประกาศเดินหน้าบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อยกระดับเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยก้าวทันโลกธุรกิจยุคใหม่ ร่วมมหกรรม “SME TRANSFORM” จัดสินเชื่อดอกเบี้ยถูก 1% พร้อมผนึก 5 หน่วยงาน ผลักดันเถ้าแก่ 4.0 เชื่อม Big Data ติดปีกเอสเอ็มอีสู่ยุคดิจิทัล

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank หรือ ธพว.) กล่าวว่า ธนาคารพร้อมทำหน้าที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อการพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่างครบวงจรให้ก้าวสู่การเป็น “เอสเอ็มอียุคดิจิทัล” มีขีดความสามารถสูงพร้อมปรับตัวเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุค 4.0 โดยนำเทคโนโลยียุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร หุ่นยนต์ ดีไซน์ ระบบไอที และออนไลน์ มาช่วยสนับสนุนเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจ

ทั้งนี้ มาตรการสนับสนุนของ ธพว. จะถูกนำมาให้บริการภายในงาน "SME TRANSFORM #พร้อมแล้วเปลี่ยน ประชารัฐร่วมใจ เชื่อม SME ไทยสู่สากล" ณ Financial Zone ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 18-20 พฤษภาคม 2561  ได้แก่ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 เพื่อให้เอสเอ็มอีใช้เป็นเงินทุนยกระดับปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล วงเงินรวม 8,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี  ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดในประวัติศาสตร์การให้บริการสินเชื่อธุรกิจของสถาบันการเงินไทย สามารถกู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาทต่อราย

สำหรับนิติบุคคล (บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล) ไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่อนนาน 7 ปี ปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรก แม้จะมีประวัติการชำระเงินไม่สม่ำเสมอก็สามารถกู้ได้ ใช้เอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามสภาพข้อเท็จจริงของกิจการ

อีกทั้งได้นำหน่วย “รถม้าเติมทุน ส่งเสริม SMEs ไทย ฉับไว ไปถึงถิ่น”  มาจอดให้บริการภายในบูธ พร้อมสาธิตการทำงาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปพบผู้ประกอบการถึงสถานที่ประกอบกิจการจริงทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการยืนยันตัวตนและตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นเพียงใช้บัตรประชาชน โดยทำงานควบคู่แอปพลิเคชัน “SME D Bank” ที่ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอสินเชื่อผ่านสมาร์ทโฟน และติดตามสถานะในการพิจารณาสินเชื่อ ภายใน 7 วันถัดไป ผ่านบริการ Call Center 1357  

นอกจากนั้น เพื่อจะช่วยสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ธพว. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ผลักดัน “เถ้าแก่ 4.0 สู่แหล่งทุน” กับ 5 หน่วยงานนำร่อง ประกอบด้วย  สมาคมการพิมพ์ไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (คลัสเตอร์ยางพารา) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน. หรือ EXIM Bank) โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ เพื่อบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลเป็น “บิ๊กดาต้า” (Big Data) เพื่อการสร้างโอกาสสนับสนุนยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้แข็งแกร่ง

“อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ยางพารา รวมถึงภาคเกษตรล้วนมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างยิ่ง ทว่าปัจจุบันยังประสบปัญหาปรับตัวไม่ทันต่อการแข่งขัน การลงนามครั้งนี้จึงนับเป็นมิติใหม่ของการร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ที่จะผนึกพลังร่วมกันพัฒนาโดยยกระดับอุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างครบวงจร ผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยี เครื่องจักร และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ” นายมงคล กล่าว


นอกจากนั้น เพื่อให้เห็นตัวอย่างจริงแห่งความสำเร็จ ภายในงานนี้ ธนาคารได้นำต้นแบบของเอสเอ็มอียุคดิจิทัลมาแสดงในมุม “SME Show Case” เช่น  แบรนด์ ‘Tonnam’ จ.เชียงราย ธุรกิจคลัสเตอร์สมุนไพรไทยที่ประสบความสำเร็จจากการทำตลาดผ่านเว็บไซต์ "Alibaba" หรือ แบรนด์ "หม่ำอินเตอร์" จ.ขอนแก่น ที่สร้างมาตรฐานอาหารพื้นบ้านอย่าง “หม่ำ” จนก้าวไปไกลระดับสากล เป็นต้น

ซึ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และจุดประกายให้เอสเอ็มอีรายอื่นๆ เห็นว่า หากมุ่งมั่นปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม มาตรฐาน ดีไซน์ และออนไลน์ จะสามารถก้าวถึงความสำเร็จได้เช่นกัน รวมถึงยังก่อให้เกิดการต่อยอดเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วยกันเอง เพื่อช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน นำไปสู่การสร้างสังคมผู้ประกอบการไทยอันจะเป็นฐานรากที่แข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook