เสาวรัตน์ โอภาสยานนท์ กับบทบาทคุณนายไกด์บนโลกออนไลน์

เสาวรัตน์ โอภาสยานนท์ กับบทบาทคุณนายไกด์บนโลกออนไลน์

เสาวรัตน์ โอภาสยานนท์ กับบทบาทคุณนายไกด์บนโลกออนไลน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสาวรัตน์ โอภาสยานนท์ หรือคุณหน่อย ผู้บริหารสาวแห่งค่ายยูนิลิเวอร์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลแบรนด์โปรดักส์ของ Rexona AXE และ Dove

นอกจากบทบาทของผู้บริหารแล้ว เธอยังชื่นชอบการเขียน โดยจะหยิบยกประสบการณ์จากการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ

มาแชร์ Tip และ Trick ให้กับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวสไตล์คุณนาย ซึ่งจะเป็นการเที่ยวแบบเน้นความสะดวกสบาย เป็นสถานที่เก๋ๆ ชิคๆ ที่โรแมนติก และมีสไตล์

 

เริ่มสร้างบล็อกของตัวเอง
คุณหน่อย เล่าว่า เริ่มเขียน Blog ประมาณปี 2548 ตอนนั้นเป็นช่วงทำโปรเจ็กต์จบ ซึ่งอาจารย์ให้โจทย์มาว่าต้องทำเป็นรายงานประจำสัปดาห์ และมีเพื่อนเสนอว่า

ทำไมเราไม่ทำรายงานประจำสัปดาห์โดยเขียนเป็น Blog เพราะสามารถแชร์กันอ่านและได้รู้ฟีดแบ็คของแต่ละคนได้ ซึ่งทำให้ได้ไอเดียนี้ขึ้นมาในการเขียน Blog เมื่อได้ลองเขียนจึงรู้ว่าการเขียน Blog ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

"ปี 2551 ได้มีโอกาสย้ายไปทำงานอยู่ที่มิลาน ประเทศอิตาลี ตอนนั้นการได้ย้ายไปอยู่ในสังคมใหม่ทำให้มีโอกาสได้ท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ จึงทำให้มีประสบการณ์ด้านการเที่ยวมากด้วย และเล่าให้เพื่อนฟังผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นประจำ

จนกระทั่งเพื่อนบอกว่าทำไมไม่ลองเขียน Blog เรื่องท่องเที่ยว เพราะรู้ว่าเคยเขียน Blog ตอนอยู่เมืองไทย โดยเรื่องราวที่เล่าจะเป็นแนวประสบการณ์เปิ่นๆ ระหว่างการท่องเที่ยว แต่ช่วงหลังก็จะมีการผสมผสานทั้งมุมมองความคิดและการบอก Tip หรือ Trick ในการท่องเที่ยวแทรกไปด้วย และนี้จึงกลายเป็นการเริ่มต้นการเขียน Blog ขึ้นอีกครั้งในแบบไลฟ์สไตล์ของตนเองอย่างแท้จริงในชื่อว่า "Khunnaiguide" (คุณนายไกด์)"

คุณหน่อย เผยถึงที่มาของชื่อ Blog ว่า คุณนายเป็นชื่อที่เพื่อนๆ ในกลุ่มชอบเรียก เพราะด้วยบุคลิก ดังนั้นจึงคิดว่าชื่อ Blog ควรจะเป็นการบอก Positioning ให้กับตัวเอง จึงตัดสินใจใช้ชื่อว่า Khunnaiguide (คุณนายไกด์) ซึ่งคอนเทนต์จะเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยวในสไตล์แบบคุณนาย คือเน้นความสะดวกสบาย สถานที่ๆ สวยงาม มีกิมมิคเก๋ๆ และเรียบหรู หากใครต้องการท่องเที่ยวแบบสไตล์แบ็คแพ็กหรือกรุ๊ปทัวร์จะไม่พบใน Blog นี้

"ช่วงนี้กำลังให้ความสำคัญกับการทำแฟนเพจบน Facebook ซึ่งบุคลิกจะไม่เหมือนกับ Blog เพราะFacebookจะเป็นลักษณะ Easy to Digest คืออ่านง่ายๆ สบายๆ หรือถ้าเปรียบหนังสือจะเหมือนอาหาร 1 มื้อ แต่ถ้าเป็น Blog อาจเป็นของกินเล่นจานเล็กๆ ส่วน Facebook จะเป็นแค่ลูกอม ซึ่งจะเป็นแนวให้ความบันเทิงเบาๆ กับผู้อ่านมากกว่าที่จะมีเนื้อหามากเท่ากับ Blog"

 

ฉายา เจ้าแม่ Outlet
คุณหน่อย ชี้แจงว่า ด้วยการเป็นคนชื่นชอบการช้อปปิ้ง เมื่อไปอยู่ที่อิตาลีช่วงวันว่างจะออกไปสำรวจ Outlet ต่างๆ เพราะสิ่งที่คนถามเข้ามากันมากคือเรื่องของ Outlet

เช่น ไป Outlet ที่ไหน ไปอย่างไร ซื้ออะไร จนถึงเรื่องของ Tax Refund ทำอย่างไร จึงทำให้รู้สึกว่าน่าจะเขียนถึง Outlet เพราะเป็นเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่สนใจ และ Outlet แต่ละแห่งที่ไปมามันจะเก๋มาก ที่สำคัญราคาดีมากด้วย ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก เพราะที่ตั้งจะค่อนข้างซอกแซกและซับซ้อน

 

 

วางแผนพีอาร์บล็อก
คุณหน่อย อธิบายว่า การประชาสัมพันธ์บล็อกของตัวเองจะใช้การเชื่อมระหว่าง Blog และ Facebook ซึ่งตอนนี้มีเพื่อนใน Facebook ประมาณ 900 กว่าคน นอกจากนี้ได้นำ Social plug in มาเชื่อมต่อกับ Social Network ต่างๆ เพื่อช่วยในการกระจายคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่อัพเดตบน Blog คอนเทนต์จะถูกแผ่กระจายไปในทันที และเมื่อมีคนอ่านคอนเทนต์จากทุกช่องทางและมีการกด Like, Share หรือ Comment ก็จะปรากฏบน Blog ด้วย

อีกอันคือ แอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Network Blog ซึ่งจะทำให้คน Follow บล็อกของเราได้ผ่าน Facebook ในการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ ทำให้รู้สึกว่าถ้าคอนเทนต์ส่งออกผ่าน Facebook จะช่วยในการพีอาร์ Blog ได้ดี เนื่องจากมีคนเข้าเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเลือกใช้ Network Blog ทุกครั้งที่เขียนเสร็จเพราะจะไปปรากฏใน Timeline ทันที

คุณหน่อย เล่าว่า จะเจอคำถามเสมอว่าเอาเวลาไหนไปเขียนบล็อก เพราะด้วยหน้าที่การงานที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ด้วยความชื่นชอบ จึงจะใช้เวลาก่อนนอนในการเขียน Blog ทุกครั้งที่มีเรื่องต้องการจะเล่าหรือแชร์ให้กับคนที่ตาม Blog ได้อัพเดตกัน และนอกจากเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว ช่วงหลังๆ จะเริ่มสอดแทรกในเรื่องมุมความคิด ซึ่งเป็นการคิดแบบตกผลึกและเกิดแรงบันดาลใจให้กับตัวเองด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟน Blog ที่มากด Like มากพอสมควร

"ตอนนี้บล็อกจะมี 2 ภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย โดยส่วนตัวตั้งใจจะเขียนบล็อกเป็นภาษาอังกฤษ เพราะถนัดเขียนภาษาอังกฤษมากกว่า และรู้สึกว่าตัวเองเขียนภาษาอังกฤษได้สวยกว่าภาษาไทย แต่ก็มีเพื่อนแนะนำว่า ถ้าต้องการฐานคนอ่านให้เพิ่มมากขึ้น ควรจะมีภาษาไทยด้วย เพราะคนไทยชอบอ่านสำนวนภาษาที่เป็นภาษาไทยมากกว่า ซึ่งตอนนี้จะมีการพิจารณากลุ่มเป้าหมายว่า หัวข้อที่จะเขียนนั้นควรเขียนด้วยภาษาอะไร ซึ่งตอนนี้ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์จะเป็นภาษาอังกฤษ"

 

สาวนักเที่ยวกับแอพฯ คู่ใจ
คุณหน่อย ให้ความคิดเห็นว่า ตั้งแต่มีแอพพลิเคชั่นมาช่วยอำนวยความสะดวกบนมือถือนั้น สามารถตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ในด้านการท่องเที่ยวได้ดีขึ้น ช่วยชีวิตในการเดินทางได้ดีมาก เนื่องจากไม่ใช่คนในพื้นที่ ดังนั้นแผนที่จึงสำคัญกับการเดินทางมาก ซึ่งแอพฯ ที่ชอบมากๆ คือ Trip Advisor ซึ่งจะดีมากเมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ค่อนข้างครบครัน ทำให้ช่วยหาโรงแรม และร้านอาหารได้อย่างดี นอกจากนี้จะมีส่วนของ What to do ซึ่งดีมากสำหรับการแนะนำก่อนไปร้านอาหารนั่นๆ ว่าถ้าไปควรสั่งอะไร โดยจะเป็นการแนะนำจากคนที่เคยไปทานแล้ว

อีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นที่ช่วยได้มากตอนอยู่เมืองนอกคือ Around me โดยแอพฯ นี้จะบอกสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ตู้ ATM ปั๊มน้ำมัน ห้องน้ำ ร้านยา ที่จอดรถ และซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น ซึ่งสำคัญมากสำหรับการเดินทางไปต่างถิ่น แอพฯ นี้จะทำให้เราค้นหาสถานที่ที่ต้องการให้ง่ายขึ้น โดยจะปรากฏสัญลักษณ์สถานที่อยู่รอบกายบนหน้าแอพฯ ทันที

สุดท้ายแอพฯ ที่ภูมิใจนำเสนอชื่อ Trip Splitter ซึ่งชอบมากในการที่เราต้องไปเที่ยวเป็นกรุ๊ปใหญ่กับเพื่อน และไม่ได้จัดเก็บเงินส่วนกลาง และแอพฯ นี้สามารถตอบโจทย์ในการคำนวณค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี โดยการคำนวณเงินคืนให้คนที่จ่ายเงินออกไปก่อน ซึ่งสุดท้ายแอพฯ จะทำการคำนวณให้เลยว่าทริปนี้ใครติดหนี้ใครกี่บาท


การใช้สื่อออนไลน์เวทีแจ้งเกิด
คุณหน่อย แสดงความคิดเห็นว่า สำหรับสื่อดิจิตอลต้องบอกว่าจริงๆ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกในแง่ของเทคโนโลยีที่เอื้อให้คนมีโอกาสเท่าเทียมกัน เป็นการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เทคโนโลยีมีทั้งด้านคุณและโทษอยู่แล้ว แต่ก็น่าประหลาดใจที่มีช่องทางที่ทำให้คนโนเนมเข้าถึงผู้ชมได้มากมาย โดยไม่ต้องผ่านคนกลางซึ่งมันน่าตกใจและประหลาดใจมาก

"ในมุมของตัวเองมองว่าทุกคนมีความสามารถเฉพาะตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีโอกาสหรือบางคนอาจกล้าไม่เท่ากัน การมี YouTube เหมือนกับการย่นระยะของการเอาตัวเองออกสื่อให้มันสั้นขึ้น คนเหล่านี้อาจมีความสามารถแต่ไม่เคยทำต่อหน้าคนจำนวนมาก แต่ YouTube ทำให้เขาสามารถโชว์ความสามารถต่อคนหมู่มากได้ง่ายขึ้น"

สำหรับ YouTube เป็นเสมือนเวทีโชว์ความสามารถบนโลกออนไลน์ที่เปิดกว้างให้กับทุกคนได้แสดงออกอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นแนวคิดเช่นเดียวกับเวทีของไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ที่สนับสนุนความสามารถทุกรูปแบบโดยเปิดอย่างอิสระ ถ้าคุณคิดว่ามีความสามารถชนิดไหนและกล้าก็มาแสดงให้เห็น ดังนั้น ในฐานะแบรนด์ เมเนเจอร์ ของเรโซน่า จึงเห็นถึงการสร้างโอกาสให้กับเยาวชนหรือคนทั่วไป เลยทำให้ได้เข้ามาให้การสนับสนุนตรงนี้

"เทคโนโลยีต่างๆ ทำให้ทำในสิ่งที่ฝันได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อก่อนต้องเรียนหนังสือและทำงานเพื่อไต่เต้าให้ได้ชื่อเสียงและเงินทอง แต่ตอนนี้ด้วยแพลตฟอร์มของเทคโนโลยีช่วยให้คนทำตามความฝันได้ง่ายและเร็วขึ้น เพียงแค่กล้าที่จะฝันและทำให้มันเป็นจริงเท่านั้น เหมือนกับตัวเองที่นำความชอบมาผนวกกับเทคโนโลยีเพื่อสร้างความฝันให้เป็นจริง" คุณหน่อย กล่าวทิ้งท้าย

 

 

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook