5 ข้อคิดมือใหม่ รับมืออย่างไรเมื่อเจอตลาดหุ้นตกหนัก

5 ข้อคิดมือใหม่ รับมืออย่างไรเมื่อเจอตลาดหุ้นตกหนัก

5 ข้อคิดมือใหม่ รับมืออย่างไรเมื่อเจอตลาดหุ้นตกหนัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพื่อนนักลงทุนมือใหม่หลายคนเข้ามาในตลาดหุ้นได้ไม่นาน หลังจากต้นปีใหม่ หุ้นไทยทำ All Time High ไปแล้ว แต่แค่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ผันผวนแรง อันเนื่องมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ ส่งผลถึงตลาดหุ้นไทยก็ผันผวนตามไปด้วยติดลบไป 2 วันติดต่อกัน รวมลบไปกว่า 70 จุด 

ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกปรับฐานแรง เปิด Streaming มาแล้วหน้าจอแดงเถือก นักลงทุนมือใหม่ต้องทำยังไง? ลองอ่าน 5 ข้อคิดสั้น ๆ นี้ไว้ใช้เตรียมรับมือกัน 

  1. มีสติ อดทน หาจังหวะลงทุน

เนื่องจากสภาวะตลาดหุ้นที่กำลังตื่นตระหนก (Market Panic) ทั้งจากนโยบายดอกเบี้ยของ Fed ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือ จากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ อาจส่งผลต่อเงินทุน Fund Flow ที่อาจไหลกลับสู่อเมริกา จึงสร้างความแตกตื่นให้แก่นักลงทุน สิ่งแรก ๆ ที่มือใหม่ต้องทำ คือ การมีสติ อดทน รอดูสถานการณ์ หาจังหวะการลงทุน อย่าเพิ่งตกใจไปตามตลาด

 

มือใหม่ควรหันกลับมาดูหุ้นในพอร์ตหุ้นของเราก่อนว่า ปัจจัยลบหรือข่าวลือที่มากระทบตลาด มันเกี่ยวข้องกับหุ้นของเราโดยตรงหรือไม่ มีผลมากน้อยต่อบริษัทมากน้อยเพียงใด แล้วปัจจัยนี้จะส่งผลระยะสั้นหรือระยะยาวต่อหุ้นที่ถืออยู่ พอร์ตการลงทุนของเรามีการกระจายความเสี่ยงไว้หรือยัง? หรือไปลงในสินทรัพย์ใดมากเกินไปหรือไม่?

 

  1. วางจุดตัดขาดทุน Stop Loss

 

ถ้าพบว่ามีหุ้นในพอร์ตที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากตลาดหุ้นที่กำลังตกอยู่นี้ จนเกิดแรงเทขายอย่างหนัก จนบางทีทำให้หุ้นติดลบมากกว่า 30-70% ได้ สุดท้ายแล้วทำให้นักลงทุนไม่เหลือเงินไว้ลงทุนอยู่รอดต่อไปได้ในตลาดหุ้น 

 

ดังนั้น นักลงทุนมือใหม่ควรกำหนดจุด stop loss เอาไว้ให้ชัดเจน ทำตามแผนการลงทุนที่เราวางไว้ เช่น 5-15% แล้วแต่ว่าคุณจะสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน! หรือวางจุด stop loss ตามแนวรับที่มีนัยสำคัญ ณ จุดต่าง ๆ ของกราฟราคาหุ้นตัวนั้น ๆ  

"อย่าลืมว่า ถ้าเงินสดหมดกระเป๋า คุณก็หมดโอกาสช้อนซื้อหุ้นดี ๆ ตอนมันราคาถูก!"

 

  1. จัดทำ Watch-List หุ้นไว้ ทำแผนการลงทุน

หุ้นที่ยังพื้นฐานดี ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้ แต่ราคาหุ้นในระยะสั้นถูกแรงกดดันจากตลาดจนโดนเทขายออกมาหนัก เพราะตลาดหุ้นกำลังตกใจ "นักลงทุนอาจจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส" เก็บหุ้นที่สนใจที่ทำการบ้านมาอย่างดีแล้วเข้าพอร์ตได้ เนื่องจากมีมูลค่าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง หรือมีส่วนเผื่อความปลอดภัย (margin of safety)

การที่หุ้นตกลงมามากนั้น เป็นโอกาสที่เราจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพทางธุรกิจดี ที่เดิมเราไม่อยากซื้อเพราะราคาหุ้นแพงเกินไป 

 

หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อยู่ หรือมีโมเดลธุรกิจที่มั่งคง ทนทานต่อเศรษฐกิจตกต่ำได้ ย่อมจะได้เปรียบต่อการผันผวนของตลาดหุ้น ในระยะยาวมีโอกาสฟื้นกลับมาได้มากกว่าหุ้นที่พื้นฐานกิจการไม่แข็งแกร่ง

  

  1. ข้อผิดพลาดถือเป็นบทเรียนสำคัญ

หาสมุดจดบันทึกดี ๆ ซักเล่ม เพื่อไว้จดบันทึกข้อมูล-ข้อผิดพลาดว่า ในการเทรดหุ้นแต่ละครั้งว่า "ทำไมเราถึงซื้อขายหุ้นตัวนี้... เพราะอะไร... มันน่าสนใจ... ดีหรือไม่ดียังไงบ้าง..."

แล้วทำไมถึงผิดพลาด! ถ้าคุณจดใส่สมุดแล้ว คุณจะไม่เอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินใจซื้อ-ขายหุ้น เพื่อป้องกันความผิดพลาดซ้ำรอยแผลเดิม 

เมื่อเวลาผ่านไป เชื่อว่า หุ้นก็มักจะกลับมาสู่ราคาที่มันควรจะเป็นตามปัจจัยพื้นฐานของมัน ที่จริงมันก็เป็นอย่างนั้นทุกครั้ง ดังนั้นถ้าเรา “ถือหุ้น” ที่ทำธุรกิจที่เรามั่นใจว่า จะสามารถฝ่ากระแสของเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยได้ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ควรกระทำ

 

 

  1. ปิดหน้าจอ ออกไปพักผ่อนซะ

เงินทุนที่นำมาลงทุนควรเป็นเงินเก็บ เงินเย็น หรือเป็นเงินที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ  ไม่ได้กู้ยืมมาเทรดหุ้น ไม่ได้เอามาร์จิ้นไปเล่น หลายคนยืมเงินมาเทรด ยิ่งพอหุ้นตกยิ่งเฝ้าหน้าจอ หวังจะรีบเอาคืนให้ได้  กลายเป็นว่าที่วางแผนมาซะดิบดี โดนอารมณ์ชั่ววูบพาลงเหว นักลงทุนมือใหม่ควรเน้นมองการลงทุนระยะยาว เติบโตไปกับธุรกิจ ที่มีปันผลค่อนข้างสูง และหุ้นมีโอกาสเติบโตได้อีกในอนาคต รวมทั้งราคาหุ้นยังไม่แพงจนเกินไป 

 

ดังนั้นถ้าคุณวางแผนการเงินและจัดพอร์ตการลงทุนมาเป็นอย่างดีแล้ว จงอย่าหมกมุ่น ปิดจอ ออกไปพักผ่อน ตั้งค่าแจ้งเตือนไว้เมื่อราคาหุ้นมาถึงจุดที่เรากำหนด รอให้ความคิดคุณตกผลึก หายตกใจก่อน ดั่งสำนวนที่ว่า "Stay Calm, Stay Invest"  คือ ทำใจให้สงบและลงทุนต่อไป  นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ล้วนแล้วแต่วางแผนการลงทุนล่วงหน้ากันทุกคน วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

อย่างที่นักลงทุนระดับโลก วอร์เร็น บัฟเฟตต์ แนะนำว่า "การทำนายตลาดหุ้น แค่ทำให้ผู้ทำนายดูดีขึ้นเท่านั้น น่าประหลาดใจที่นักลงทุนจำนวนมากเชื่อนักทำนายตลาดอย่างมากมาย แต่เมื่อย้อนไปดูแล้ว การทำนายตลาดหุ้นนั้นกลับไม่ได้มีการบันทึกผลลัพธ์ของความน่าเชื่อถือเอาไว้เลย"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook