4 เคล็ดลับเลือกหุ้นโต 10 เท่า

4 เคล็ดลับเลือกหุ้นโต 10 เท่า

4 เคล็ดลับเลือกหุ้นโต 10 เท่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงนี้ดัชนีตลาดหุ้นพุ่งเอา ๆ ชนิดมีลุ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลไม่เว้นแต่ละวัน หากเราเป็นนักลงทุนตัวจริง-เสียงจริง สิ่งที่เราต้องเฝ้าติดตาม และมองหาตลอดเวลาก็คือ “เราต้องมองหาหุ้นโตเร็วเท่านั้น” และที่สำคัญหุ้นที่เรามองหาควรถือได้ยาว ๆ อย่างน้อย 3-5 ปี หรือไม่ก็ถือยาว 10 ปีได้เลย โดยไม่ต้องสงสัยว่ากิจการนั้น ๆ จะล้มหายตายจากไปเสียก่อน

การที่เราต้องเป็นคนมองหาหุ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้นักลงทุนหุ้นโตเร็ว หรือ Growth Investor ต้องคอยจับตาดูว่า พฤติกรรมการบริโภคของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างไร เปลี่ยนไปจากอดีตมากน้อยแค่ไหน และคนชอบกินอะไร เที่ยวที่ไหน เดินทางด้วยอะไร สื่อสารอะไร เป็นต้น และบทความนี้เราจะมาพิจารณากันดูว่า ลักษณะของธุรกิจที่จะเติบโต ควรมีลักษณะอย่างไร

ลักษณะแรก เป็นสิ่งจำเป็นที่คนต้องกินต้องใช้

ลักษณะของกิจการประเภทนี้ เป็นเรื่องจำเป็นที่คนต้องกินต้องใช้ และมีแนวโน้มที่คนจะบริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งบางอย่างก็ไม่จำเป็นเสมอไป แต่คนกินคนใช้เนื่องจากมันเป็นกระแส เรียกว่าใครไม่ใช้จะดูแตกต่างจากคนส่วนใหญ่

ยกตัวอย่างเช่น คนชอบดื่มกาแฟ สตาร์บัคส์ หรือ อเมซอน ธุรกิจแบบนี้เมื่อมันบิน “ติดลมบน” แล้ว ก็มักจะไปได้เรื่อย ๆ และหากเขามีสิ่งที่เรียกว่า สินค้าเรือธง หรือ Product Champion ยิ่งดี สินค้าเรือธงที่ดีมักจะสร้างกระแสเงินสดให้กับกิจการอย่างสม่ำเสมอ แถมถ้าเติบโตได้ด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่

ใครชอบดื่มเครื่องดื่มแบบไหนในร้านกาแฟ ก็ลองจินตนาการกันดูว่า คนส่วนใหญ่หรือคนจำนวนมากชอบแบบเราหรือเปล่า?

ลักษณะที่สอง มีคู่แข่งน้อยรายหรือมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

ลักษณะต่อมาที่ควรพิจารณาก็คือ ธุรกิจเหล่านั้นมีคู่แข่งน้อยรายหรือไม่ และคู่แข่งน้อย ๆ นั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแรงหรือเป็นพันธมิตรกับกิจการ หากธุรกิจใดมีคู่แข่งน้อยราย อาจหมายถึงลักษณะของอุตสาหกรรมนั้น ๆ ยากที่จะมีรายใหม่ ๆ เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด อาจเป็นเพราะต้นทุนการประกอบกิจการที่สูง ทำให้กันคู่แข่งหน้าใหม่ ๆ ออกไปได้ ถ้าเจอลักษณะนี้ควรรีบเข้าไปศึกษาทันที

อีกลักษณะหนึ่งที่ต้องตาต้องใจนักลงทุนหุ้นโตเร็วก็คือ กิจการนั้น ๆ มีแบรนด์ หรือยี่ห้อสินค้า-บริการที่แข็งแกร่ง ลักษณะนี้จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความภักดีในตราสินค้า” หรือ Brand Royalty หากกิจการใดมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ก็มีแนวโน้มที่จะมีคนมาใช้สินค้าหรือบริการมากกว่าสินค้าที่มีแบรนด์ไม่แข็งแรง และหากแนวโน้มการใช้เติบโต ก็ยิ่งต้องจับตามองเป็นพิเศษ

ลักษณะที่สาม กิจการนั้นจะถูกทดแทนด้วยสิ่งอื่นหรือไม่

สิ่งที่นักลงทุนหุ้นโตเร็ว โดยเฉพาะนักลงทุนที่คิดจะลงทุนหุ้นเติบโต 10 เท่าใน 10 ปี ต้องคิดและพิจารณาเป็นพิเศษ ก็คือ “อีกสิบปีกิจการที่เราลงทุนจะยังอยู่หรือไม่” และหากยังอยู่จะยังดีแบบเดิมหรือเปล่า

ลองหลับตาจินตนาการถึง “กล้อง” ที่เป็นแบบฟิล์ม ถ้าย้อนอดีตไปบอกคนเมื่อกว่าสิบปีที่ผ่านมาว่า ฟิล์มจะถูกเลิกใช้ คงไม่มีคนอยากจะเชื่อ โดยเฉพาะช่างภาพที่ถนัดการถ่ายภาพโดยใช้ฟิล์ม แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้หายไปแล้ว และมันถูกทดแทนด้วยกล้องดิจิทัล

นักลงทุนหุ้นระยะยาวต้องคอยคิดและพิจารณาให้ดีว่า กิจการที่เราลงทุนในวันนี้นั้น อีกสิบปีจะยังอยู่หรือเปล่า และมีอะไรจะมาทดแทนมันได้หรือไม่ และมันยังเป็นที่นิยมหรือไม่ ถ้าเอาสั้น ๆ ก็ราว 3-5 ปี หากมันยังอยู่และเติบโต ก็ลงทุนได้เลย

ลักษณะสุดท้าย ผู้บริหารมี passion ที่จะเติบโตหรือไม่

สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราลงทุนกับผู้บริหารที่ไม่คิดจะโต หุ้นก็จะไม่ไปไหน กิจการที่เติบโตนั้นแท้จริงแล้วเป็นเปลือกนอก เป็นเพียง “เงาความคิด” ของเจ้าของหรือผู้บริหาร

หากผู้บริหารมีแนวคิดที่จะเติบโต กิจการก็จะเติบโต ถ้ามันทำกำไรได้และกำไรโต ราคาหุ้นก็จะโตตามไปด้วย การดูให้ลึกลงไปถึงนิสัยใจคอของผู้บริหาร จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

วิธีการก็คือ ลองไปร่วมประชุมผู้ถือหุ้น หรือไปประชุมในวันแถลงผลประกอบการที่ตลาดหลักทรัพย์จัดให้เข้าร่วม และลองถามคำถามเชิงท้าทายดูว่า ผู้บริหารจะตอบอย่างไร ลองสอบถามวิสัยทัศน์ของผู้บริหารว่ามีมุมมองอย่างไรในอีก 3-5 ปี หรือแม้แต่ 10 ปีข้างหน้า แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบการลงทุนด้วย

ทั้งหมดคือส่วนเล็ก ๆ ของแนวคิดการลงทุนหุ้นโตเร็ว หรือ Growth Stock สำหรับผู้ที่ไม่หยุดนิ่ง และวิ่งตามความฝัน คือ อิสรภาพทางการเงิน หรือการเป็นนักลงทุนมืออาชีพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook