น้ำหวานขึ้นราคา 3-5 บาท เชื่อผู้บริโภคปรับพฤติกรรมลดน้ำตาล

น้ำหวานขึ้นราคา 3-5 บาท เชื่อผู้บริโภคปรับพฤติกรรมลดน้ำตาล

น้ำหวานขึ้นราคา 3-5 บาท เชื่อผู้บริโภคปรับพฤติกรรมลดน้ำตาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เครื่องดื่มน้ำหวานปรับขึ้นราคา 3-5 บาททุกยี่ห้อผลจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตใหม่ เครือข่ายไม่กินหวานเชื่อปัจจัยราคาแพงส่งผลให้ผู้บริโภคปรับตัวลดน้ำตาล ขณะที่ผู้ประกอบปรับสูตรลดหวานเพิ่มทางเลือก

ผลจากการบังคับใช้ภาษีสรรพสามิตใหม่ 13 สินค้า 4 ภาคบริการ โดยในจำนวนนั้นมีการเก็บภาษีน้ำหวานเพิ่มขึ้นในอัตรา 2% ซึ่งเริ่มบังคับใช้ไปแล้วในวันที่ 16 กันยายน 2560 หลังผ่านมาเกือบ 3 เดือน ทำให้ทุกค่ายน้ำหวานทุกยี่ห้อพร้อมใจกันขึ้นราคาถ้วนหน้า

จากการสำรวจตลาดพบว่า ราคาน้ำหวานที่เพิ่มขึ้นแทบทุกยี่ห้อ โดยเฉพาะประเภทชาเขียวยี่ห้อฟูจิ จาก 25 เป็น 30, โออิชิ และอิชิตัน เพิ่มจาก 15 บาทเป็น 20 บาท เฉลี่ยราคาน้ำหวานปรับขึ้นตั้งแต่ 3 -5 บาท

ในประเด็นดังกล่าว ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ประธานเครือข่ายไม่กินหวาน กล่าวว่า การปรับขึ้นของเครื่องดื่มประเภทน้ำหวานอยู่ในความคาดหมายของเครือข่ายไม่กินหวานอยู่แล้ว เนื่องจากผลจากการศึกษา ระบุว่าหากคนไทยจะปรับพฤติกรรมลดการกินหวานลงได้หากราคาเครื่องดื่มสูงขึ้น 20%

"การที่ราคาเครื่องดื่มรสหวาน โดยเฉพาะประเภทชาเขียวปรับราคาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3-5 บาท จึงไม่ถือว่าเกินกว่าที่คาดไว้และเชื่อว่าผู้บริโภคน่าจะปรับพฤติกรรมลดหวานลงได้เพราะราคาที่เพิ่มมากขึ้น"

อย่างไรก็ตาม การปรับพฤติกรรมจากการขึ้นราคาเครื่องดื่มน้ำหวานสามารถประเมินได้ใน 2 รูปแบบ ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยมุมแรกเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการที่มีความพยายามปรับสูตรเครื่องดื่มลดหวานมากขึ้น จะเห็นว่า ผู้ประกอบการบางส่วนเริ่มปรับสูตรลดน้ำตาล เช่น เครื่องดื่มประเภท 3 in 1 ปรับลดปริมาณน้ำตาลลงไปแล้ว

"ผลจากการขึ้นภาษีผู้ประกอบการปรับตัวมากขึ้น โดยพยายามมองหาสูตรน้ำหวานที่ลดน้ำตาลลง ทำให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นเครื่องดื่มลดหวานวางตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกได้มากขึ้น"

ส่วนผู้บริโภคเองนั้น ทพญ.ปิยะดา มองว่าการขึ้นราคาจากการปรับภาษีจะช่วยเพิ่มการปรับพฤติกรรมมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากราคาที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดความตระหนักมากขึ้นและมองหาน้ำดื่มที่มีราคาลดลง หรืออาจจะหันไปดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น หรือหันมาลดการบริโภคน้ำตาลลง

แม้จะมีมาตรการขึ้นภาษี เพื่อปรับพฤติกรรมลดการบริโภคหวานของผู้บริโภค แต่ก็ไม่ครอบคลุมถึงเครื่องดื่มรสหวานที่ชงขายเอง ซึ่งในเรื่องนี้ ทพญ.ปิยะดา กล่าวว่า ได้ผลักดันมาตรการลดขนาดซองน้ำตาลโดยขณะนี้มีร้านกาแฟขนาดใหญ่เริ่มหันมาใช้น้ำตาลขนาด 4 กรัมมากขึ้นแล้ว ส่วนร้านค้าย่อยอื่นๆ ได้เข้าไปพูดคุยกับร้านขายเครื่องดื่มในสถาบันอุดมศึกษา เช่น คณะทันตแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งส่วนใหญ่ปรับสูตรลดหวานเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้เครือข่ายไม่กินหวาน ยังทำงานร่วมกับโรงเรียนทั่วประเทศ ในโครงการโรงเรียนอ่อนหวาน โดยให้ระดับความหวานในเครื่องดื่มไม่เกิน 6-10% และให้โรงเรียนขายเครื่องดื่มน้ำหวานเป็นเวลา

ส่วนร้านขายเครื่องดื่มตามท้องถนน ทพญ.ปิยะดา หวังว่า การรณรงค์จะทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลที่จะบริโภคเครื่องดื่มลดหวาน โดยที่ผ่านมาได้สำรวจร้านเครื่องดื่มบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ราชวิถี และศาลายา พบว่าระดับน้ำตาลสูงมากกว่า 20 กรัมต่อแก้ว แต่หลังจากนี้เชื่อว่าทั้งผู้บริโภคและแม่ค้าขายน้ำหวานจะปรับตัวมีทางเลือกเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook