4 ลักษณะนิสัยที่มหาเศรษฐี Elon Musk คล้ายกับ Warren Buffett

4 ลักษณะนิสัยที่มหาเศรษฐี Elon Musk คล้ายกับ Warren Buffett

4 ลักษณะนิสัยที่มหาเศรษฐี Elon Musk คล้ายกับ Warren Buffett
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมาอีลอน มัสค์ ไอร่อนแมนในโลกแห่งความเป็นจริง เจ้าของบริษัทผลิตรถล้ำอนาคตอย่าง Tesla Motor ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ SolarCity ผู้ผลิตแผงโซล่าร์เซลล์ซึ่งบริหารงานโดยญาติของเขาเอง และอีลอน มัสค์ก็เป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนกับบริษัทอีกด้วย ดูเหมือนว่าบริษัท Tesla Motor ยังมีโครงการอีกมากมายมหาศาลที่จะต้องทำอีกมาก

เปิดหัวข้อมา ผมก็เอาแต่พูดถึงอีลอน มัสค์ ถ้าให้ผมพูดถึงเกี่ยวกับตัวเขาคงจะไม่มีวันจบเป็นแน่ สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อถึงบทความนี้คือ ในเรื่องของการลงทุนเน้นคุณค่า ที่เขามีคล้ายกับมหาเศรษฐีวอเร็น บัฟเฟตต์

we2

เมื่อเรากำลังพูดถึงการลงทุนเน้นคุณค่า ผมมั่นใจได้เลยว่าท่านผู้อ่านไม่มีทางนึกถึง อีลอน มัสค์ อย่างแน่นอน เขาอาจจะเป็นโทนี่ สตาร์ค ในจักรวารของมาร์เวล หรือเป็นฮีโร่ใน Silicon Valley สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่มีฝันอยากจะทำ start-up เขามีผลงานเป็นที่เลื่องลือกับการปั้นบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงถึง 4 บริษัทด้วยกัน คือ PayPal, SpaceX, Tesla, และ SolarCity ทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก

ก็เหมือนกับวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่พลิกฟื้นบริษัทสิ่งทอเก่าแก่คร่ำครึที่ใกล้จะล้มละลายอย่างเบิร์กไซด์ ฮาธาเวย์ กลายมาเป็นบริษัทโฮลดิ้งขนาดใหญ่ที่รวบรวมบริษัทชั้นยอดเอาไว้และส่งให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐี .. วันนี้ผมจะมาวิเคราะห์กันว่าทั้งสองมีลักษณะนิสัยอะไรที่เหมือนกันถึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้

we3

และนี้ คือ 4 ลักษณะนิสัยที่มหาเศรษฐี อีลอน มัสค์ คล้ายกับ วอเร็น บัฟเฟตต์

1. ทั้งสองต่างคิดว่าพลังงานสะอาด จะเป็นพลังงานแห่งอนาคต

ทั้งสองมีความคิดตรงกัน จึงลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด อีลอน มัสค์ เป็นประธานกรรมการและผู้หุ้นใหญ่สุดของบริษัท SolarCity ซึ่งก่อตั้งโดยหลานของเขาเอง ปีเตอร์ และ ลินซ์ดอน ไรฟ์ ในปี 2006 บริษัท SolarCity ทำหน้าที่ออกแบบ บริหาร และรับติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์ให้กับบริษัทหลายบริษัทในอเมริกา ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำทางด้านพลังงานแสงอาทิตย์ไปแล้ว

อีลอน มัสค์ รู้ดีว่าถ้าให้บริษัท Tesla ของเขาเข้าซื้อ SolarCity ทั้งสองบริษัทจะต้องไปด้วยกันได้แน่ และรถยนต์ Tesla ของเขาจะกลายมาเป็นรถที่ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานสะอาดอย่างแสงอาทิตย์อย่างแท้จริง

we4

ในขณะที่วอเร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนเน้นคุณค่าก็เป็นเจ้าของบริษัท Berkshire Hathaway Energy ถึงแม้ว่าบริษัทของเขาจะไม่ได้เป็นผู้นำทางด้านพลังงานสะอาด แต่บริษัทนี้ก็เน้นลงทุนทางด้านพลังงานลมเป็นหลัก Berkshire Hathaway Energy มีส่วนแบ่งการตลาดของพลังงานลมอยู่ที่ 7% ของผู้ผลิตทั้งหมดในอเมริกา และพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 6% ของตลาดอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะมีความคิดไปในทางเดียวกัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีความเห็นตรงกันไปหมดซะทุกอย่าง เมื่อการประชุมพลังงานสะอาดที่เมืองเนวาด้าที่ผ่านมา เขาตำหนิในเรื่องของ "net metering" ที่ผู้บริโภคนำแผงโซล่าร์มาติดไว้ที่บ้านแล้ว ถ้ามีกำลังการผลิตส่วนเกินจะต้องขายไฟคืนในราคาถูกให้กับภาครัฐ ซึ่ง Berkshire Hathaway Energy สามารถผลิตได้เกินกว่าที่ตัวเองต้องใช้ และต้องขายคืนในราคาถูก และภาครัฐก็นำไปขายต่อให้กับคนทั่วไปในราคาสูง ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม สวนทางกับ SolarCity ที่เขาเน้นไปในเรื่องของทำอย่างไรที่จะขายแผงโซล่าร์เซลล์ให้ได้มากๆ


2. ทั้งสองต่างมี "ความเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง"

ครั้งหนึ่งวอเร็น บัฟเฟตต์ พูดไว้ว่า ...

"โอกาสที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตจะเกิดขึ้นมาเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต พวกเราไม่ชอบที่จะทำนู้นที่นี้ แต่พวกเราจะรอคอยให้โอกาสนั้นมาถึงจริงๆ และหวดมันลงไปเต็มแรง พวกเราจะไม่ทำแบบเผื่อเลือก หรือทำๆไปเถอะไหนๆมันก็มาแล้ว ผมหมายถึงว่าคนทุกคนจะต้องค้นหาโอกาสและไขว้คว้ามันให้ได้ เพราะคุณไม่มีทางที่จะเจอโอกาสที่ยิ่งใหญ่เกิน 10 ครั้งในชีวิต"

บัฟเฟตต์ไม่ใช่นักลงทุนเชิงรุก เขาออกจะเป็นนักลงทุนเชิงรับซะด้วยซ้ำ เขาจะรอคอยการลงทุนที่เขาคิดว่ามันสมเหตุสมผลจริงๆและซื้อมันไปในราคาสุดถูก ก็เหมือนกับกีฬาเบสบอลที่เขาเปรียบเทียบว่า ไม่จำเป็นจะต้องหวดทุกลูกที่เข้ามา แค่มองหาลูกที่ลอยมาแบบสวยๆ และตีให้มันโฮมรัน

we5

(Image : CNBC)



อีลอน มัสค์ ก็เป็นอีกคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก หลังจากที่เขาขายบริษัท PayPal ให้กับ eBay ในปี 2002 และได้เงินมา 165 ล้านเหรียญ เขาสามารถไปซื้อเกาะส่วนตัวและสร้างบ้านหรูที่กลางทะเลแคริบเบียน และเกษียณตัวเองตอนอายุ 30 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เพอร์เฟคที่สุดในชีวิตแล้ว แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เขายังมุ่งหน้าก่อตั้งบริษัท SpaceX และ Tesla ในปีต่อมา

ช่วงวิกฤตปี 2008 บริษัททั้งสองของเขาถูกฟ้องล้มละลาย อีลอน มัสค์พยายามที่จะพลิกฟื้นบริษัทของเขาให้ได้โดยนำเงินที่เขาขายบริษัท Paypal ทรัพย์สินส่วนตัว ขายบ้าน ขายรถ แทบจะเรียกได้ว่าขายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาลงกับสองบริษัทนี้ เพราะเขามีความเชื่อมั่นในความคิดของเขา

ถึงแม้ว่าอีลอน มัสค์ จะผ่านช่วงยากลำบากเหล่านั้นได้ แต่เขาก็ยังมุ่งหน้ากับการทำงานที่ใช้เวลามากถึง 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีงานอยู่ในสายเลือด จนกระทั่งคนข้างกายบอกว่า อีลอน มัสค์ เป็นพวกมีพฤติกรรมแปลกประหลาดเพราะไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ทุกสิ่งที่เขาทำจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบ 100% ก็ตาม

3. ทั้งสองต่างมองระยะยาว ไม่สนใจผลลัพธ์ในระยะสั้น

วอเร็น บัฟเฟตต์ ขึ้นชื่อเรื่องของการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนระยะยาว เขาแนะนำว่าถ้าเราเจอบริษัทที่ดีในระยะยาวแล้ว เขายินดีที่จะถือมันตลอดไป ... ด้วยเหตุผลของการถือระยะยาวแล้วทำให้เขาได้ประโยชน์จากการสร้างผลตอบแทนแบบทบต้น

"ชีวิตก็เหมือนลูกบอลหิมะ ... สิ่งสำคัญ คือ การค้นหาหิมะที่เปียกและภูเขาที่มีเส้นทางระยะยาว" วอเร็น บัฟเฟตต์ (Life is like a snowball. The important thing is finding wet snow and a really long hill.)

อีลอน มัสค์ ก็เป็นนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ไกลและมองระยะยาวเป็นหลักโดยเฉพาะเรื่องการหาแหล่งพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน และการส่งมนุษย์ไปอาศัยอยู่นอกโลก ครั้งหนึ่งเขาส่งอีเมล์ให้กับพนักงานทุกคนที่ทำงานอยู่ใน SpaceX ก่อนที่เขาจะทำให้บริษัท SpaceX กลายมาเป็นบริษัทมหาชน

" ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผมกำลังจะทำให้ SpaceX กลายมาเป็นบริษัทขนส่ง แต่ไม่ใช่การขนส่งธรรมดา แต่เรากำลังจะขนส่งมนุษยชาติไปอยู่นอกโลก การสร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีอยู่ได้บนอวกาศคือเป้าหมายสูงสุดของผมและเป็นเป้าหมายของ SpaceX ด้วย การเป็นบริษัทมหาชนไม่ได้หมายความว่าแนวคิดนี้จะถูกล้มล้าง และเราจะทำเพื่อแสวงหากำไรเพียงอย่างเดียว ผมตระหนักถึงแนวคิดนี้อยู่เสมอว่าเรากำลังทำอะไร ด้วยประสบการณ์ของผมที่ผมสร้าง Tesla และ SolarCity ขึ้นมานั้น ผมก็ยังคงใช้กับ SpaceX เช่นเดียวกันนั้นคือ การมองที่ผลลัพธ์ระยะยาวเป็นหลัก

สำหรับใครบางคนที่ไม่เข้าใจถึงภารกิจของ SpaceX และมองมันไม่เข้าใจคงจะคิดว่า การเข้าเป็นมหาชน คือเป้าหมายสูงสุดของนักธุรกิจ แต่มันคงไม่ใช่สำหรับผม การเป็นมหาชนหรือมีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์คือก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตมวลมนุษยชาติได้ มองข้ามเรื่องของเงินและความผันผวนของราคาหุ้น เมื่อพวกคุณสามารถมองข้ามเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว จิตใจของคุณจะมีความแน่วแน่ตั้งมั่นถึงเป้าหมายที่คุณจะทำ เฉกเช่นเดียวกันกับ SpaceX ถ้าพวกคุณเข้าใจ คุณจะรู้ว่าพวกเรากำลังสร้างอะไรสักอย่างหนึ่งที่มีคุณค่าต่อมนุษย์ คุณจะไม่ถูกอารมณ์ของราคาหุ้นรบกวนจิตใจของคุณ"

we6

(Image : buzzfortune)



[…] เป้าหมายของผมสำหรับ SpaceX คืออยากให้คุณมองบริษัทมหาชนแห่งนี้เป็นเหมือนเจ้าของ ถ้าคุณเป็นเจ้าของ คุณแทบจะไม่สนใจราคาหุ้นที่ปรากฏอยู่ในกระดานซื้อขายเลย

สุดท้ายแล้วสำหรับคำแนะนำของผมที่มีต่อพวกคุณ ก่อนที่ผมจะทำให้ SpaceX กลายมาเป็นบริษัทมหาชน ผมคงไม่สามารถมานั่งวิเคราะห์บริษัทให้พวกคุณทำได้ แต่ผมอยากให้พวกคุณคิดให้ง่ายเข้าไว้ ถ้าคุณเชื่อว่า SpaceX กำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และมันจะดีขึ้นในทุกๆวัน ราคาหุ้นของ SpaceX ก็จะเปล่งศักยภาพมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆในตลาด และผลตอบแทนก็จะสูงขึ้นเหมาะสมแก่การลงทุนระยะยาว ดังนั้น สำหรับคนที่ควรขายหุ้น SpaceX ออกไป คือ กลุ่มคนที่หวังผลลัพธ์ระยะสั้น และกลุ่มคนที่คาดหวังว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นเพียงเล็กน้อยในอนาคตอันใกล้เท่านั้น"

จากอีเมล์ฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงการมองการณ์ไกลของ อีลอน มัสค์ และบ่งบอกว่าเขาเข้าใจความผันผวนของตลาดหุ้นมากแค่ไหน

we7


อีลอน มัสค์ มีภาพลักษณ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และการแต่งกายที่ดูภูมิฐาน
(ที่มาภาพ : CNBC.com)



4. พวกเขาทั้งสองต่างมีภาพลักษณ์ที่ดี

พวกเราปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งวอเร็น บัฟเฟตต์ และอีลอน มัสค์ ต่างออกสื่อด้วยภาพลักษณ์และเป็นมิตรต่อสื่อมากแค่ไหน พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่อีกด้วย เราเรียกสิ่งนี้ว่า personal brand images

วอเร็น คือ "The Oracle of Omaha - เทพยากรณ์แห่งโอมาฮ่า" หรือ "ลุงวอเร็น" หรือ "คุณปู่ผู้เป็นมิตรแห่งมิสเวสต์" ไม่ว่าจะเรียกว่าอย่างไร แต่เขาก็คือสัญลักษณ์แห่งนักลงทุนเน้นคุณค่าผู้ไม่ชอบตลาดหุ้นวอลสตรีท ความโลภและความกลัว และผู้ประสบความสำเร็จจากการลงทุนสูงที่สุดของโลก

อีลอน เช่นเดียวกัน เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง นักประดิษฐ์ผู้ไม่ย่อท้อ และนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ เราอาจจะเปรียบเทียบชีวิตของเขาเหมือนกันโทนี่ สตาร์ค แห่งภาพยนตร์เรื่องไอร่อนแมน (เขาได้รับเชิญเป็นดารารับเชิญในเรื่อง Iron Man 2 อีกด้วย)

และนี้ก็เป็น 4 ข้อที่ทั้งสองมีลักษณะคล้ายกันครับ

we8


อีลอน มัสค์ เคยเป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง Iron man
(Image : bloomberg.com)



ขอบคุณที่มา : businessinsider.com
บทความจากทีม content ของ stock2morrow โดย ผู้แปล SiTh LoRd PaCk

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook