กอบกาญจน์หนุนท่องเที่ยวเชิงอาหารดึงนทท.เข้าไทย

กอบกาญจน์หนุนท่องเที่ยวเชิงอาหารดึงนทท.เข้าไทย

กอบกาญจน์หนุนท่องเที่ยวเชิงอาหารดึงนทท.เข้าไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'กอบกาญจน์' หนุน ท่องเที่ยวเชิงอาหารดึงต่างชาติเข้าไทย ขณะยอดสะสม 1 มกราคม - 15 พฤษภาคม อยู่ที่ 13 ล้านคน สร้างรายได้ 6.7 แสนล้าน

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารไทย เพื่อมาต่อยอดขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะใช้เป็นสิ่งจูงใจในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งล่าสุด สภาอาหารริมทางโลก ได้ยกให้เมนูหอยทอดเป็น 1 ใน 3 ของอาหารขึ้นชื่อและร้านอาหารไทยยังได้รับรางวัลร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้ร่วมจัดระเบียบร้านอาหารริมทางร่วมกับกรุงเทพมหานคร โดยยังคงอัตลักษณ์แบบเดิมที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด ถือเป็นจุดขายสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายด้านอาหาร

ขณะที่สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยสถิติสะสมล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 พฤษภาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมจำนวนกว่า 13 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 6.7 แสนล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.33 และ 4.10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการจัดงาน เกษตรกรไทยก้าวไกล ใต้ร่มพระบารมี ซึ่งจะจัดขึ้นที่สวนลุมพินี ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2560 ขณะเดียวกันจะร่วมมือกับกลุ่มประชารัฐ ตามโครงการ Amazing Thai Tast โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะร่วมจัดงานมหกรรมอาหารจานเด็ด อร่อยแบบไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร Amazing Tastes Festival 2017 ระหว่างวันที่ 8 - 11 มิถุนายน 2560 จัดขึ้นที่ลานกิจกรรมสถานีแอร์พอร์ตลิงค์ เป็นการกระจายรายได้จากการบริโภคไปสู่เกษตรกร รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานราคาสินค้าอาหารไทย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหาร4จังหวัดภาคตะวันออกที่ ททท. เตรียมจัดขึ้น ประกอบด้วย ระยอง จันทรบุรี ตลาด ปราจีนบุรี ชื่องาน เทศกาลสวนผลไม้และของดี ภาคตะวันออกประจำปี 2560 ระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนกรกฎาคม โดยมีสวนผลไม้ เข้าร่วมกว่า 40 สวน กำหนดเงื่อนไข ราคาเป็นอิ่มละ 150 ถึง 450 บาท อีกทั้งยังได้จัดโปรโมชั่นแจกคูปองพิมพ์ผลไม้มูลค่า 100 บาทนำมาหักส่วนลดของราคาค่าเข้าสวนผลไม้จำนวน 20 แห่งจาก 4 จังหวัดภาคตะวันออก โดยคาดการณ์ว่างานดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้เข้าสวนผลไม้กว่า 60 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook