ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 5.34จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 5.34จุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) ที่ 21,012.28 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด หรือ +0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,102.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ +0.03% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,399.38 จุด เพิ่มขึ้น 0.09 จุด หรือ +0.00% เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับข่าวนายเอมมานูเอล มาครอง คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยผลการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดและโพลล์สำรวจส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดของนางเมสเตอร์ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งเป็นไปตามคาด โดยนายมาครอง อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจของฝรั่งเศส ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ด้วยคะแนนเสียง 66% ขณะที่นางมารีน เลอเปน ผู้สมัครคู่แข่งจากพรรค National Front (FN) ได้รับ 34%
นักวิเคราะห์จากไดวา ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า แม้ชัยชนะของนายมาครองช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในยุโรป แต่บางส่วนเริ่มไม่มั่นใจว่า พรรค La Republique en march ของนายมาครองจะสามารถกวาดที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้หรือไม่ โดยฝรั่งเศสจะจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในเดือนมิ.ย. เพื่อเลือกสมาชิกรัฐสภาจำนวน 577 คน
ทั้งนี้ หากพรรคของนายมาครองไม่สามารถกวาดเสียงข้างมากในรัฐสภาได้ ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการผ่านร่างกฎหมายการปฏิรูปเศรษฐกิจและมาตรการอื่นๆในอนาคต
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดได้บรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐยังมีความอ่อนแอ
นางเมสเตอร์ระบุว่า เฟดไม่ควรมีปฏิกริยามากเกินไปต่อความเคลื่อนไหวเพียงชั่วคราวที่เกิดจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผย พร้อมกับกล่าวว่า ตนจะสนับสนุนการปรับลดวงเงินของพันธบัตรมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในพอร์ทฟอลิโอของเฟด
คำกล่าวของนางเมสเตอร์ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจะจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และคาดว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นปี
ทั้งนี้ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 83.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนพ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook