“แอ๊ด คาราบาว” ขึ้นปก Forbes นักร้องที่ “ร่ำรวย” ที่สุดของไทย
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/mn/0/ud/95/475769/mon0904601.jpg“แอ๊ด คาราบาว” ขึ้นปก Forbes นักร้องที่ “ร่ำรวย” ที่สุดของไทย

    “แอ๊ด คาราบาว” ขึ้นปก Forbes นักร้องที่ “ร่ำรวย” ที่สุดของไทย

    2017-04-09T12:23:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ชาวสังคมออนไลน์ได้เเชร์ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine (นิตยสารฟอร์บส์ภาคภาษาไทย) โพสต์ภาพปกนิตยสารฟอร์บส์ฉบับภาษาไทยประจำเดือนเมษายน 2560 เป็นภาพนายยืนยง โอภากุล หรือ "แอ๊ด คาราบาว" พร้อมกับพาดหัวปกว่า "The Richest Musician ยืนยง โอภากุล คนจนผู้ยิ่งใหญ่ สู่อาณาจักรคาราบาวแดงหมื่นล้าน"

    mon0904601-1
    "จากตำนานเพลงเพื่อชีวิตต่อยอดสู่ความสำเร็จหมื่นล้านของ 'คาราบาวแดง' พบกับเรื่องราวเบื้องลึกของศิลปินวัย 62 ปี ยืนยง โอภากุล ที่จับมือกับอีก 2 แม่ทัพใหญ่ด้านการบริหารเพื่อก่อตั้ง บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยเน้นกลยุทธ์ Music Marketing และ Sports Marketing ชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจนก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของไทยแซงหน้าเจ้าตลาด คาราบาวกรุ๊ปยังขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งสินค้าเครื่องดื่ม อุปโภคบริโภค และร้านค้าปลีก พร้อมก้าวไกลสู่ตลาดนานาชาติตั้งแต่ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ยุโรป และตะวันออกกลาง เพื่อทวีคูณรายได้เท่าตัวในอนาคต" นิตยสารชื่อดังระบุ


    ช่วงกลางปี 2559 นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าในปี 2559 บริษัทน่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตขึ้น 10% จากเดิมที่มียอดขาย 8,300 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าว่าบริษัทจะต้องเพิ่มรายได้ในตลาดต่างประเทศให้ได้ร้อยละ 50 ภายในสองปี โดยเน้นกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เกตติ้ง ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายน 2559 บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG dHได้เข้าเซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ หรือ EFL Cup และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาว คัพ” เป็นระยะเวลานาน 3 ปี (เริ่มฤดูกาลหน้าคือ 2017/2018, 2018/2019 และ 2019/2020) ด้วยงบลงทุนรวม 18 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 800-900 ล้านบาท

    ขณะที่ข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ณ วันที่ 7 เมษายน 2560 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 64,250 ล้านบาท โดยนายยืนยง โอภากุล ถือหุ้นในบริษัทมากเป็นลำดับที่ 3 ด้วยจำนวน 70,480,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 7.05 รองจาก บริษัท เสถียรธรรมโฮลดิ้ง จำกัด และน.ส.ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ