ตลาดหุ้นจีน น่าลงทุนแล้วหรือยัง?

ตลาดหุ้นจีน น่าลงทุนแล้วหรือยัง?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 stmc1

ตลาดหุ้นจีนวิ่งขึ้นและเป็นฟองสบู่ภายใน 1 ปี สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก
(ที่มาภาพ RightWayCharts.com)

ประเทศจีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่ง) และยังเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเศรษฐกิจเติบโตเร็วมากในกลุ่มประเทศ G20 แต่คำถามที่นักลงทุนทั่วโลกถามกันมากที่สุดคือ แล้วตลาดหุ้นละ? ตอนนี้ตลาดหุ้นจีนน่าลงทุนแล้วหรือยัง ...

ถ้านักลงทุนคนใดตามติดสถานการณ์ของหุ้นจีนอยู่ตลอดน่าจะได้ผ่านช่วง "ฟองสบู่หุ้นจีน ปี 2015" และยังหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย ปี 2016 เป็นปีที่ตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนเรียกว่าติดลบแล้วเปิดปีใหม่ด้วยแรงขายอย่างหนักหน่วงก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างช้าๆค่อยเป็นค่อยไปมาตลอดปี อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนก็ยังได้ื่อว่าเป็นตลาดหุ้น Worst performers in 2016 - ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในปี 2016 ขณะที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนดีที่สุดในเอเชีย

stmc2

ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากเมื่อเทียบกับดอล์ล่าร์
(ที่มาภาพ http://www.xe.com/currencycharts/?from=USD&to=CNY)

 

 

เราลองมาดูกันครับว่าสถานการณ์ในจีนตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

เมื่อไม่นานมานี้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้เดินทางไปประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการเชิญผู้นำจีนไปแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งหลักๆแล้วประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ต้องการกล่าวเตือนสหรัฐว่า การใช้นโยบายประชานิยมและชาตินิยมที่ทรัมป์ประกาศจะนำตอบโต้กับการค้าที่ไม่เป็นธรรมนั้น อาจนำไปสู่อันตรายในภาวะของสงครามการค้า

การขึ้นกล่างาน World Economic Forum ทำให้ค่าเงินหยวนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเสถียรภาพของเงินหยวนไม่สู้ดีนัก นักวิเคราะห์ของวอลสตรีทคาดการณ์ว่าตอนนี้เศรษฐกิจจีนกำลังสั่นคลอนและไม่มีเสถียรภาพอย่างมาก เพราะ Flow ของเงินต่างชาติดูท่าจะไหลอ่อนและส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นนั้น "อาจจะ" ไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งยังมีเรื่องของ Bitcoin สกุลเงินออนไลน์ที่กำลังก้าวมาเป็นสกุลเงินใหม่กำลังกดดันเงินหยวนอย่างรุนแรง

"เงินหยวนร่วงลงถึง 6% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการไหลออกของเงินทุนจำนวนมหาศาลถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์นับจากเดือนสิงหาคม 2015 " นักวิเคราะห์ของวอลสสตรีท กล่าว ..

ขณะที่ฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนลดลงที่ระดับ 3.01 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นปี 2016 จากที่เคยอยู่ในระดับสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2014 เป็นการบ่งบอกว่าเงินกำลังไหลออกอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งให้ People Bank Of China (PBOC) หรือธนาคารกลางของจีน ดูการซื้อขาย Bitcoin อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นตัวการทุบเงินหยวนร่วงลงถึง 20% เมื่อเทียบกับ Bitcoin นอกจากนี้จีนยังถูกกล่าวหาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นนักปั่นค่าเงิน (Currency Manipulator)

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยกระแสเงินทุนที่ไหลออกอย่างชัดเจน (ดูจากเงินหยวนอ่อนค่า และเงินทุนสำรองที่ลดลง) เป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนเกิด "เซอร์กิจ เบรคเกอร์" ในปี 2015 และโดนทุบตั้งแต่ต้นปี 2016 ก่อนที่จะขึ้นอย่างช้าๆแต่ก็ให้ผลตอบแทนติดลบ เมื่อเงินทุนไหลออก ตลาดหุ้นก็เป็นเรื่องยากที่จะขึ้นอย่างมีความมั่นใจ

ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีนแสดงความเห็นว่า "นักลงทุนยังคงหวาดกลัวภาพของตลาดหุ้นถล่มในปี 2015 และยังคงไม่มีความมั่นใจที่จะกลับเข้ามาลงทุน นักลงทุนไม่เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ การให้ภาครัฐสร้างการรับรู้ของประชาชน จะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อประชาชนมีความมั่นใจ เศรษฐกิจดีขึ้น พวกเขาก็จะกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเอง"

การลดลงของหยวนมากกว่า 7% ในปีนี้ ทำให้นักลงทุนต่างหนีออกจากประเทศจีนเพื่อหาตลาดหุ้นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า นาย Dickie Wong หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ Kingston Securities ให้ความเห็นว่า "ตลาดหุ้นจีนยังมีความเสี่ยงสูง และตอนนี้เรายังไม่เห็นโอกาสการลงทุนในจีน นอกจากเราแล้วโบรคต่างชาติก็คิดเหมือนกับเรา"

บทวิจัยจาก Goldman Sachs ให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีนไว้ 4 ประการ ดังนี้

1. ตลาดหุ้นจีนมีสัญญาณ "เย็นตัวลง" หลังจากการตกลงอย่างหนักในปี 2015 นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี ภาพรวมในปี 2016 เศรษฐกิจจีนโตขึ้นประมาณ 6% ถือว่าลดความร้อนแรงลง สำหรับปี 2017 จะยังคงเป็นการพักตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
2. ในปี 2015 การถล่มขายหุ้นอย่างหนักของผู้ถือหุ้นใหญ่ จนรัฐบาลจีนต้องออกมาตรการสกัดการขายหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเหล่านั้นเพื่อไม่ให้หุ้นจีนตกลงไปอีก ตอนนี้ทางเรายังไม่เห็นสัญญาณการซื้อหุ้นคืนจากบุคคลเหล่านั้น
3. ผู้กำกับตลาดหลักทรัพย์ยังออกกฏคุ้มเข้มเกี่ยวกับหุ้นอยู่ การกู้เงินมาซื้อหุ้น หรือเครื่องมือทางการเงินยังถูกห้ามมาใช้ซื้อขายในตลาดหุ้น เมื่อไม่มี Market Maker ทำให้สภาพคล่องให้ไปเป็นจำนวนหนึ่ง
4. การออกหุ้น IPOs หลายตัวในปี 2016 จะเป็นตัวกดดันหุ้นจีนอีกระยะหนึ่ง คือ การขายทำกำไรขอกงนักลงทุนรายย่อย หลังจากที่หุ้น IPOs มาขายในตลาดหุ้นแล้ว
(ที่มา : http://blogs.barrons.com เรื่อง : Will China’s Stock Markets See A Replay Of 2015 Crash? )

stmc3


ตลาดหุ้นจีนมี P/E ที่ 15 เท่าและปันผลประมาณ 1.9% ยังไม่น่าจูงใจให้ลงทุน แต่ก็ไม่ได้เป็นตลาดที่แพงเลยถ้ามองจากค่า P/E เพียงอย่างเดียว
(ที่มาภาพ http://siblisresearch.com)

 stmc4

ค่า P/E และ P/BV ทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2014
(ที่มาภาพ RightWayCharts.com)


ณ ปัจจุบันนี้ ค่า P/E Ratio ของตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ประมาณ 15 เท่า ปันผลประมาณ 1.9% อาจจะเป็นตลาดหุ้นที่ไม่ได้สูงมากนัก แต่ปันผลอาจจะไม่จูงใจเพราะไม่ถึง 2% แต่ถ้าเราดูข้อมูลย้อนหลังการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนของตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าแนวโน้มยังดีต่อเนื่องจะทำให้ค่า P/E Ratio ลดลงโดยอัตโนมัติ และจะกลายเป็นตลาดหุ้นถูก (โดยสมมุติฐานที่ว่า ดัชนีของหุ้นไม่ไปไหน)

stmc5
ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในประเทศจีนเพิ่มขึ้นทุกปี มี 2 สาเหตุด้วยกัน คือ 1. บริษัทเดิมทำกำไรได้ดีขึ้น 2.มีบริษัท IPO จำนวนมากเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น (ที่มาภาพ http://siblisresearch.com)

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ดูไม่ดีโดยเฉพาะเรื่องของค่าเงินและกระแสเงินที่ไหลออก ตลาดหุ้นน่าจะไม่ไปไหน แต่ผมว่า Valuation ของหุ้นจีนไม่ได้แพงเลย ณ เวลานี้ แถมตอนนี้ตลาดจีนมีเวลาพักฐานมาแล้ว 1 ปี ถ้าสร้างฐานแน่นๆอีกสักปี ผมว่าน่าสนใจดีครับ ...
-----------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.scmp.com/news/china/economy/
http://blogs.barrons.com/
http://www.nationmultimedia.com/
http://www.cnbc.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook