เป็นหนี้ท่วมหัวฟังทางนี้ เรามี วิธีปลดหนี้ มาฝาก

เป็นหนี้ท่วมหัวฟังทางนี้ เรามี วิธีปลดหนี้ มาฝาก

เป็นหนี้ท่วมหัวฟังทางนี้ เรามี วิธีปลดหนี้ มาฝาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าคุณมีหนี้สิน ไม่มีเงินเก็บ เงินไม่เคยพอใช้ จ่ายหนี้ขั้นต่ำทีไรก็หมดกระเป๋าแล้ว คุณเป็นคนที่เรียกได้ว่ากำลังมีหนี้ท่วมหัว ก่อนอื่น เราขอให้คุณตั้งสติ และต้องมีความตั้งใจจริงหากคุณอยากหลุดพ้นจากสภาวะนี้ เพราะ วิธีปลดหนี้ ที่ MoneyGuru.co.th กำลังจะแนะนำต่อไปนี้ อาจจะมีหลายอย่างที่คุณจะต้องฝืนใจทำ

1. เมื่อคุณมีหนี้สินท่วมหัว สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ทำใจยอมรับความจริง ยิ้มสู้กับมัน และอย่างที่เราบอกไว้ตั้งแต่ต้น คุณต้องมีความตั้งใจจริง สิ่งต่อมาซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือ หยุดสร้างหนี้เพิ่ม เลิกใช้บัตรเครดิตทุกใบที่มี เก็บเอาไว้ที่บ้านเลย หรือถ้าใจเด็ดอยากหักดิบจริง ๆ ตัดบัตรทิ้งไปให้หมดเลยค่ะ และหากเจ้าหนี้ที่ธนาคารโทรมาทวงหนี้ ห้ามหนี ห้ามขาดการติดต่อเด็ดขาด

2. คำนวณยอดหนี้ทั้งหมด จัดลำดับยอดหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดมาไว้เป็นยอดหนี้ที่ต้องปิดให้เร็วที่สุดก่อน หากมีหนี้บ้านหนี้รถ ให้เลือกชำระหนี้ส่วนนี้ก่อน เพราะมีความสำคัญมาก เบี้ยวไม่ได้ โดยเฉพาะหนี้ผ่อนรถ เป็นคดีอาญา เบี้ยว 3 เดือนจะถูกฟ้องร้องทันที

3. คำนวณรายได้ของคุณ ว่าแต่ละเดือนได้เงินมาเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายประจำมีเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายประจำก็จำพวก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต โดยค่าใช้จ่ายประจำนี้ คุณอาจจะรวมหนี้บ้านและหนี้รถเข้าไปด้วยก็ได้ เพราะเป็นหนี้ที่เบี้ยวไม่ได้อย่างที่เราบอกไปข้อที่แล้ว

4. หากรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ใกล้เคียงหรือเท่ากับยอดหนี้ขั้นต่ำที่ต้องชำระในแต่ละเดือน สิ่งที่คุณต้องทำคือ หัดทำบัญชีรายรัยรายจ่ายของคุณเอง คุณจะได้รู้ว่าในแต่ละวัน เงินคุณหายไปไหน และรู้ว่าค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นและสามารถตัดออกไปได้บ้าง

5. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น อย่างเช่น ลดแพ็คเกจเคเบิ้ลทีวีที่มีราคาแพง เหลือเพียงแพ็คเกจที่เหมาะสมกับการใช้งานคุณ หรือหากคุณแทบจะไม่เคยเปิดทีวีดูเลย การยกเลิกบริการถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้มากทีเดียว หรืออีกวิธี งดดื่มกาแฟจากร้านดัง ที่มีราคาแสนจะแพง มาดื่มกาแฟฟรีที่ออฟฟิศมีให้บริการอยู่แล้ว ต่อเดือนก็ช่วยคุณประหยัดไปได้เป็นพันบาทเลยนะคะ หรือเลิกทานอาหารนอกบ้าน หันมาทำอาหารทานเองก็ช่วยให้คุณประหยัดไปได้มากขึ้น การทำอาหารหนึ่งครั้ง สามารถทานได้เป็นอาทิตย์ ห่อไปเป็นอาหารมื้อกลางวันทางที่ทำงาน ก็ประหยัดไปได้หลายมื้อเลยทีเดียวนะคะ

6. หากไม่มีหนี้บ้านรถมีแต่หนี้บัตรเครดิต ให้พยายามชำระหนี้บัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดให้มากกว่าขั้นต่ำ เพื่อที่จะได้ปลดหนี้ก้อนนี้ให้เร็วที่สุด เพราะหนี้ก้อนนี้ ยิ่งปล่อยเอาไว้นาน ยิ่งสร้างภาระดอกเบี้ยเพิ่มให้คุณมาก และจะยิ่งทำให้การปลดหนี้ของคุณช้าลงไปอีก ดังนั้น ให้เน้นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดเป็นอันดับ 1

7. หากคุณรู้ว่ากำลังจะมีเงินก้อนเข้ามา ในอนาคตอันใกล้ เช่น กำลังจะได้โบนัสปลายปีในอีกสองสามเดือนข้างหน้า ให้เลือกติดต่อประนอมหนี้กับธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยน้อยที่สุด เพื่อต่อรองของชำระแต่ดอกเบี้ยไปก่อน ช่วยลดภาระต่อเดือนลงไปได้มากขึ้น และนำเงินส่วนต่างมาโปะบัตรเครดิตใบที่มีอัตราดอกเบี้ยมาที่สุด

โดยการทำแบบนี้ ยอดต้นจะยังคงอยู่ไม่ลดลงไป แต่ถึงแม้ยอดต้นจะไม่ลด คะแนนเครดิตของคุณก็จะยังไม่เสีย รายงานในเครดิตบูโรก็จะยังคงขึ้นคำว่า “ไม่ค้างชำระ” แล้วจึงนำเงินโบนัสที่ได้มาโปะหนี้ โดยวิธีนี้ เราขอแนะนำให้คุณทำในระยะสั้นเท่านั้น และไม่ขอแนะนำให้คุณทำหากคุณไม่มีเงินก้อนเข้ามาในเร็ว ๆ นี้ เพราะหนี้ที่คุณมีจะยังคงอยู่ไม่ลดลงไป เหมือนคุณจ่ายดอกเลี้ยงหนี้ไว้เรื่อย ๆ เท่านั้นเอง

8. ขายอะไรได้ให้ขายไปเลยเพื่อที่คุณจะได้มีเงินก้อนเข้ามาปลดหนี้ได้ โดยของที่จะขายควรขายของใช้ฟุ่มเฟื่อยที่ไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคุณ เช่น เครื่องแต่งกายแบรนด์เนม เครื่องประดับ หรือของที่ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงก็ใช้งานได้ เช่น โทรศัพท์มือถือราคาแพง แล้วซื้อโทรศัพท์ธรรมดามาใช้ไปก่อน ในส่วนของคอมพิวเตอร์ หากมันเป็นเครื่องมือหากินของคุณ หรือคุณสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากมันได้ ให้เก็บเอาไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งตัดสินใจขายมันไป

9. วิธีปลดหนี้ ไม่ใช่การบนบานศาลกล่าว หรือตีอกชกหัวโทษโชคชะตาฟ้าดินอะไรทั้งนั้น (เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะตัวคุณเองล้วน ๆ) แต่การจะทำให้คุณปลดหนี้ได้คือการมีรายได้ ดังนั้น หารายได้พิเศษเสริมถือเป็นทางเลือกที่คุณต้องทำ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คุณจะได้ไม่ต้องไปหยิบยืมเงินจากใครในกรณีที่เงินไม่พอใช้ บางทีงานเสริม อาจจะทำเงินให้คุณได้มาก จนคุณสามารถปลดหนี้ได้เร็วขึ้นก็ได้นะคะ

แล้วถ้าหนี้ล้น จนคุณจ่ายไม่ไหว หรือไม่มีเงินจ่ายล่ะ?

หากคุณเบี้ยวหนี้ ไม่มีเงินจ่าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตกงานกระทันหัน หรือจงใจเบี้ยวหนี้ หนีหนี้จริง ๆ เราขอให้คุณอ่านสิ่งที่เรากำลังจะบอกต่อไปนี้ให้ดีนะคะ เพราะมันคือผลกระทบที่คุณจะต้องเจอแน่นอนหากคุณเบี้ยวหนี้

1. ไม่จ่ายหนี้ เตรียมตัวโดนฟ้องได้เลย แต่เนื่องจากคดีเกี่ยวกับหนี้สิน ถือเป็นคดีแพ่ง โทษจึงไม่ถึงขั้นติดคุก ทำให้คุณสบายใจได้มากขึ้น แต่ไม่ติดคุก ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ต้องจ่ายหนี้นะคะ โดยส่วนใหญ่ หากมีหมายศาลส่งไปที่บ้าน เจ้าหนี้มักจะให้โอกาสลูกหนี้ก่อน โดยการปรานีปรานอมลดอัตราดอกเบี้ยให้ หรือบางครั้ง อาจจะให้ชำระคืนเฉพาะเงินต้นก็มี เรื่องจึงอาจจะจบอยู่แค่การไกล่เกลี่ย ไม่ต้องถึงชั้นศาลค่ะ ดังนั้น หากมีหมายศาลมาถึงบ้าน อย่าเพิ่งตื่นตกใจ ตีโพยตีพาย หรือหนีหายไปเลยนะคะ ไปพบกับเจ้าหนี้ที่ศาลถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ

2. หากไกล่เกลี่ยตามข้อที่แล้วไม่ลงตัว จนเรื่องเลยไปถึงชั้นศาล แน่นอน คุณไม่มีทางชนะคดีนี้ได้ ดังนั้น เตรียมตัวรับมือกับการอายัดเงิน และยึดทรัพย์ได้เลยค่ะ เจ้าหนี้ทุกรายรวมกัน สามารถร้องขอต่อศาลเพื่ออายัดเงินเดือนของคุณได้ ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน แต่หากหลังจากหัก 30% ออกไปทำให้คุณมีเงินเดือนเหลือน้อยกว่า 10,000 บาท เจ้าหนี้จำเป็นต้องเหลือเงินให้คุณ 10,000 บาท เอาไว้สำหรับการดำรงชีวิตค่ะ อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการ เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ในการอายัดเงินเดือนตามกฎหมายนะคะ โดยการอายัดเงินนั้น นอกจากเงินเดือนแล้ว ยังสามารถอายัดเงินส่วนอื่น ๆ ได้อีก ด้วยนะคะ

3. ในส่วนของรายงานเครดิตที่เครดิตบูโร จะถูกบันทึกเป็น ค้างชำระ ตั้งแต่งวดแรกที่คุณเบี้ยว และจะขึ้นค้างชำระแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยจะมีกำหนดวันพ่วงเข้ามาด้วย เช่น ค้างชำระ 31 – 60 วัน, ค้างชำระ 61 – 90 วัน และจะเพิ่มจำนวนวันไปเรื่อย ๆ หากไม่มีการชำระเข้ามา โดยเมื่อใดที่คุณชำระหนี้ เงินจำนวนนี้จะไปตัดหนี้ก้อนที่เก่าที่สุดก่อน และรายงานเครดิตจะยังคงขึ้นว่าค้างชำระอยู่ แต่จำนวนวันจะลดลงตามจำนวนก้อนหนี้แต่ละงวดที่คุณชำระเข้าไปค่ะ

การไม่เป็นหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ คำกล่าวนี้ยังถือเป็นเรื่องจริงที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ยิ่งสมัยวัตถุนิยมแบบนี้ คนเป็นหนี้ ไม่มีเงินเก็บ เงินไม่พอใช้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น หากคุณยังไม่มีวินัยในการจัดการบริหารเงิน เราขอแนะนำว่าอย่าสร้างหนี้จะดีที่สุดนะคะ ยิ่งสังคมไทยนั้น ฝังหัวลูกหลานมาตั้งแต่บรรพบุรุษว่า มีบ้านมีรถคือชีวิตมั่นคง ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย การมีหนี้ จะทำให้ชีวิตคุณมั่นคงได้อย่างไร จริงไหมคะ? นอกเสียจากว่า บ้านและรถที่คุณซื้อมา สามารถสร้างรายได้ให้กับคุณ นั่นแหละค่ะ คือการตีความคำว่ามั่นคงได้อย่างถูกต้อง

บทความดีดีแบบนี้ยังมีอีกมากมาย ทั้งเรื่องบัตรเครดิต หนี้สิน สินเชื่อ การเงิน รถยนต์ และประกันรถยนต์ คุณสามารถกด subscribe เพื่อรับสาระความรู้จาก MoneyGuru.co.th ได้เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook