รู้หรือไม่ว่าเกือบครึ่งโลกวันนี้เป็นดิจิทัลหมดแล้ว!

รู้หรือไม่ว่าเกือบครึ่งโลกวันนี้เป็นดิจิทัลหมดแล้ว!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook



     ใช่แล้วจากข้อมูลที่ Sanook! ได้อ่านมาเรื่องของดิจิทัลเทรนด์ เขาบอกว่า 43% ของโลกตอนนี้ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหมดแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลให้คุณกำลังได้อ่านเรื่องนี้อยู่ การแชร์รูปกับเพื่อนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือหลายๆ คนกำลังอัพโหลดงานทั้งๆ ที่นั่งทำงาน หรือแม้แต่กำลังซ้อปปิ้งอยู่อีกซีกหนึ่งของโลก และล่าสุดที่เราได้เห็นทุกคนพร้อมใจกันเดินออกจากบ้าน มาอยู่ตามห้างใหญ่ใจกลางเมืองเพื่อจับโปเกม่อน จากเกมโปเกม่อน โก นี่ล่ะ ล้วนแล้วแต่เกิดจากเจ้าอินเทอร์เน็ตทั้งนั้น 

     และถ้าหากใครเติบโตมาในยุคใกล้ๆ กับ Sanook! หรือเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เราเชื่อเลยว่าคุณรู้สึกได้ว่าคุณได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน และทุกอย่างล้วนนำให้คุณเข้าสู่โลกดิจิทัลแบบไม่รู้ตัว หรือเรียกว่า “ชีวิตแบบดิจิทัล” ยกตัวอย่างเช่น

     - ทุกอย่างรวมเอาไว้ให้คุณที่สมาร์ทโฟนแล้ว
     เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เราอาจจะกำลังเข้าระบบปฏิบัติการ DOS บน PC เครื่องใหญ่แสนหนักเพื่อจะสร้างเอกสารแบบดิจิทัลสักอัน เซฟลงบนแผ่น Floppy Disk ที่มีความจุเพียง 1.44 MB กว่าจะได้ส่งงานลูกค้าสักงาน ต้องขน PC และแผ่นดิสต์วิ่งไปให้ถึงที่ หรือเข้าแชทในระบบ PIRCH แต่ตอนนี้เพียงแค่คุณมีสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะสร้างเอกสาร ส่งงาน คุยกับเพื่อน คุยเรื่องงาน ทุกอย่างทำได้ที่สมาร์ทโฟนทั้งหมด เรื่องของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือจึงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่เชื่อลองดูบนหน้าจอสมาร์ทโฟนคุณสิ! ว่ามีกี่แอพแล้ว

     - ไม่เห็นต้องเดินห้างให้เสียเวลาเพราะใครๆ ก็ช้อปปิ้งออนไลน์
     เมื่อ E-Commerce เข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา ขาช้อปอย่างเราไม่ต้องเสียเวลาออกไปต่อแถวเช่นเคย แต่ใช้การช้อปปิ้งออนไลน์เข้ามาแทนที่ แล้วยิ่งตอนนี้มีทั้งส่วนลดและระบบ E-Coupon เข้ามาอีก แถมด้วยระบบขนส่งแบบเวิลด์ไวด์ที่ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็ช้อปได้


     - ระบบธุรกิจต่างๆ ก็หันมาใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการดำเนินการ
     ช่วยเรานึกหน่อยว่าทำอะไรไม่ได้จากอินเทอร์เน็ตบ้าง ตอนนี้ไม่ว่าจะแค่สั่งอาหาร จองตั๋วภาพยนตร์ ซื้อตั๋วเครื่องบิน อยากจัดปาร์ตี้ จองที่พัก หรือแม้กระทั่งหาคู่ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ทำได้แค่เพียงคลิกเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคอย่างเรามีชีวิตง่ายขึ้นแล้ว เจ้าของธุรกิจต่างๆ ก็สามารถขยายฐานลูกค้าและประหยัดค่าใช้จ่ายลงอีกด้วย

     - ดิจิทัลคอนเท้นต์สนุกๆ เกิดขึ้นให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ
     อย่างที่เราได้เกริ่นกันไปอันแรกๆ จากที่แต่ก่อนแผ่น Floppy Disk จุ 1.44 MB ก็เพียงพอที่จะเก็บข้อมูลแล้ว แต่เวลาเพียงกว่า 15 ปีผ่านไปตอนนี้เราพก External Hard disk ขนาด 1TB เดินไปมาเสียแล้ว ทำให้การพัฒนาของคอนเท้นต์แบบดิจิทัลเกิดการแข่งขันขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นความคิดสร้างสรรค์บนมีเดียที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่น สมาร์ทวอชช์ ดูระบบความปลอดภัยของบ้านผ่านออนไลน์ หรือแม้กระทั่งรถไร้คนขับที่กำลังเกิดขึ้นจริงแล้วในตอนนี้

     ตอนนี้ก็มีโฆษณาที่ออกมาเป็นแบบอินเทอร์แอ็กทีฟให้เราสามารถเลือกตอนจบเองได้ หรือยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเกมที่เริ่มจากการเป็น 8 bit จนมาถึงตอนนี้ที่เรามีเกมแบบ Virtual Reality กันแล้ว อย่างโปเกม่อน โก เป็นต้น

     - การสื่อสารรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นรวมถึงคลังข้อมูลแบบมหาศาล
     ถ้าเกือบ 20 ปีที่แล้วสิ่งที่ทันสมัยที่สุดก็คงเป็นเจ้าเพจเจอร์ ต่อมาเป็นยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องใหญ่ยักษ์ พัฒนามาเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็เป็นสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว แต่ดิจิทัลก็ยังทำให้การสื่อสารพัฒนาขึ้นได้อีกเรื่อยๆ อย่างระบบเครือข่ายตอนนี้จาก 3Gก็พัฒนามาสู่ 4G ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เราก็จะได้พัฒนาไปที่ 5G ซึ่งไม่ได้ดีขึ้นแค่เฉพาะความเร็วในการส่งข้อมูลแต่ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้เพิ่มขึ้นอีกมาก

     และด้วยการพัฒนาของเหล่าเครือข่ายนี่ล่ะ ทำให้การส่งข้อมูลขนาดใหญ่เป็นไปได้ง่ายขึ้น จึงเกิดการพัฒนาของคลังเก็บข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Cloud Technology ที่รวบรวมเอา Database ต่างๆ เก็บไว้ ซึ่งเจ้า Cloud ก็มีการพัฒนาเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะเป็นความลับและปลอดภัยเสมอ

     - บริหารการเงินของคุณด้วยระบบออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย
     10 ปีที่แล้วเราเริ่มต้นด้วยการเริ่มจัดการเงินของตัวเองได้ทางโทรศัพท์และเครื่องแฟกซ์ และตอนนี้เราจัดการการเงินของตัวเองได้ด้วยระบบของธนาคารแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของมุมโลกหรือแม้กระทั่งแค่ลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน คุณก็ยังสามารถจัดการเรื่องเงินของคุณได้อย่างสบายใจ เพราะมีทั้งระบบออนไลน์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือให้ทำทุกอย่างได้
ส่วนเรื่องของระบบความปลอดภัยนั้น ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีระบบตรวจสอบความปลอดภัยก็ถูกออกแบบให้ซับซ้อนขึ้นและเพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้อย่างเต็มที่

     ยกตัวอย่างธนาคารรูปแบบดิจิทัล (Digital Banking) ด้วยคอนเซปต์ให้คุณทำธุรกรรมการเงินด้วยตนเอง เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า กับ ME by TMB ที่มีบริการบัญชีเงินฝากดิจิทัลให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินทุกขั้นตอนผ่านช่องทางดิจิทัล ทั้งฝาก - โอนเงิน เช็คยอดเงินในบัญชีและดอกเบี้ยสะสมรายวัน พร้อมทั้งแก้ไขข้อมูลส่วนตัวได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยผ่านเว็บไซต์ WWW.MEBYTMB.COM และ ME แอพพลิเคชั่น หรือติดต่อ ME Call Center 0-2502-0000

     และด้วยการเป็นการธนาคารในรูปแบบดิจิทัลนี้เอง จึงทำให้ ME by TMB สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แปลงต้นทุนเป็นผลตอบแทนให้ลูกค้าได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปถึง 4 เท่า การให้บริการโอนต่างธนาคารฟรี 2 ครั้งต่อเดือน การไม่คิดค่าบริการ SMS รายเดือน และไม่มีค่าธรรมเนียมจุกจิกให้กวนใจอีกด้วย

     เห็นไหมล่ะ! ไม่ว่าอะไรตอนนี้ก็สะดวกสบายและได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าด้วยดิจิทัลทั้งนั้น แล้ว Sanook! จะมาอัพเดตเรื่องของดิจิทัลให้ทันเทรนด์กันอีกนะ



[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook