เทคนิคการซื้อเสื้อผ้าเด็ก แบบเซฟกระเป๋าเงินคุณแม่

เทคนิคการซื้อเสื้อผ้าเด็ก แบบเซฟกระเป๋าเงินคุณแม่

เทคนิคการซื้อเสื้อผ้าเด็ก แบบเซฟกระเป๋าเงินคุณแม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นที่รู้กันดีว่าเสื้อผ้าเด็กราคาแพงไม่น้อย เหตุผลหลักคือขนาดเล็ก การตัดเย็บจึงต้องสั่งเย็บไซส์พิเศษตามไปด้วย อีกทั้งต้องทำให้ได้คุณภาพ ไม่ระคายเคืองต่อผิวของเด็กน้อยเวลาสวมใส่ ที่สำคัญเด็กโตไว ใส่เสื้อผ้าแป๊บเดียวก็ต้องเปลี่ยนขนาดแล้ว โดยอาจจะต้องเปลี่ยนทุก ๆ 4 – 6 เดือน แล้วแต่เด็กแต่ละคน


สำหรับเด็กที่มีพี่น้อง ถือว่าโชคดีไป เพราะสามารถรับมรดกตกทอดจากพี่ชายหรือพี่สาวได้ แต่สำหรับลูกคนโต หรือลูกคนเดียวอาจจะต้องหาวิธีประหยัดกันบ้าง เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในปัจจุบันมีจำนวนไม่น้อย ทั้งค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าไปเที่ยวนอกบ้าน ค่าเรียนพิเศษ วันนี้อยากจะขอนำเสนอเทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเงิน ดังนี้


1) จับกลุ่มกับเพื่อนที่มีลูกแล้ว

คอยอัพเดทเพื่อนที่เรียนจบจากโรงเรียนเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน หรือที่ทำงาน เพื่อน ๆ ที่มีลูกแล้วเขาอาจจะอยากโละตู้เสื้อผ้าของลูกเขาที่โตกว่าลูกเรา เขาอาจจะเอ็นดูแล้วให้เราฟรี หรือ อาจจะขายต่อในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 50% และในอนาคตเราสามารถส่งต่อให้ลูกเพื่อน จัดทำเป็นตลาดนัดของมือสองเสื้อผ้าลูกที่มีคุณภาพ สร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นค่าขนมให้ลูกของเราได้ นอกจากนี้เสื้อผ้าของเพื่อนที่เราไว้ใจ ยังได้คุณภาพ เพราะเขาต้องเลือกยี่ห้อที่ดีต่อลูกของเราอย่างแน่นอน และลูกของเราก็จะได้ใช้ของดีไปด้วย


2) เลือกซื้อเสื้อผ้าเด็กแบรนด์เนมให้ถูกที่ ถูกเวลา

ส่วนใหญ่เสื้อผ้ายอดฮิตของคุณแม่มักจะเป็น H&M, Zara baby, Gap, Carter, Enfant หรือ Absorba เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณแม่ซื้อราคาเต็ม หรือ New Arrival จะมีราคาแพงมาก งบประมาณราคาเต็มใกล้ๆประมาณ 2,000 บาท ขึ้นไปก็มี ดังนั้นคุณแม่ฉลาดเลือกอย่างเราก่อนจะซื้ออะไรควรจะต้องวางแผนให้ดีเพื่อให้ได้ของดีราคาไม่แพงมาครอบครอง ขึ้นตอนง่าย ๆ

- คุณแม่คอยติดตาม Fan Page “Promotion to You” เพจดังกล่าวจะคอยอัพเดทข่าวคราวความเคลื่อนไหว แบรนด์เนม หรือห้างสรรพสินค้าที่ลดราคา ทำให้คุณแม่ตามไปซื้อได้ทัน

- ช่วงเวลาที่ลดราคาของห้างสรรพสินค้า และร้านเสื้อผ้าเด็กมีเป็นช่วง ๆ โดยแบ่งเป็นรอบ ๆ ดังนี้

1. ช่วงสิ้นปีถึงต้นปีใหม่ (กลางธันวาคม – ต้นมกราคม)
2. ช่วงตรุษจีน (ปลายมกราคม – ต้นกุมภาพันธ์)
3. ช่วงกลางปี (กลางมิถุนายน – กลางกรกฎาคม)
4. ช่วงมิดไนท์เซลล์ โดยทางห้างสรรพสินค้าจะจัดเป็นช่วง ๆ

- คุณแม่คอยสะสมแต้มบัตรเครดิตไว้ลด point โดยถ้าเป็นวันศุกร์ ส่วนใหญ่แบงค์สีเขียวจะให้ลดเพิ่ม 13% แต่ถ้าวันธรรมดาจะลดเพิ่ม 11% โดยตัด point ตามราคาสินค้า ทำให้คุณแม่ได้ประหยัดเพิ่มมาขึ้นไปอีก ดังนั้นการมีบัตรเครดิตแล้วคอยใช้จ่ายเพื่อสะสมแต้ม มีประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน


3) ฝากเพื่อนซื้อของหิ้วจากต่างประเทศ

ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านภาษี และยังมีเพื่อนของเราคอยคัดเลือกของที่มีคุณภาพให้กับเรา อาจจะได้แบรนด์ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากต่างประเทศไม่ซ้ำใครอีกด้วย แต่ต้องระวังเกรงใจเพื่อนไม่สั่งซื้อมากเกินไปเพราะเขาอาจจะลำบากในการหิ้วหรือแพ็คของให้กับเรา


4) ลองเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็กที่ Hyper Market

หลายคนอาจจะติดภาพลักษณ์สินค้าเด็กจากร้านบิ๊กซี เทสโก้โลตัส ว่าคุณภาพสู้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วถ้าเลือกให้ดีที่ร้านค้านี้ก็มีสินค้าที่มีคุณภาพไม่น้อย โดยดูจากวัตถุดิบการผลิตที่อยู่ตรงป้ายเสื้อว่าเป็น Cotton แท้ 100% หรือไม่ หรือดีไซน์การตัดเย็บตามขอบ มีความนิ่มเพียงพอกับลูกน้อยของเรา ถ้าเราเลือกให้ดีจะมีสินค้าที่มีคุณภาพดีซ่อนอยู่ในร้านค้าเหล่านี้


5) เดินทางไปซื้อของพร้อม ๆ กับคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย

นอกจากคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายจะได้ชุ่มชื่นหัวใจที่ได้อยู่ใกล้ลูกหลาน เขายังยินดีที่จะซื้อเสื้อผ้าน่ารัก ๆ ให้หลานอีกด้วย บางครั้งท่านก็จะซื้อของมาฝากด้วยซ้ำถ้าเราไม่ได้ไปด้วยกัน ดังนั้นถ้าพวกท่านไปด้วยก็จะสามารถช่วยประหยัดกระเป๋าเงินคุณแม่ได้ไม่มากก็น้อย แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคืออย่าตามใจเด็กน้อย ซื้อทุกอย่างที่อยากได้จนเป็นการสิ้นเปลือง

เสื้อผ้าเด็กไม่ควรซื้อที่ราคาแพงจนเกินไป เพราะเด็ก ๆ นั้น ใส่ได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยน ขอให้เลือกราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ ไม่สิ้นเปลืองจนเกินไป เลือกเสื้อผ้าตามความจำเป็น หรือถ้าลดราคามาก อาจจะซื้อเก็บไว้แต่ก็ไม่ซื้อเก็บไว้นานจนเกินไป เพราะสุดท้ายวงจรการ Sales สินค้าก็จะกลับมาใหม่อีกรอบ คุณแม่คอยเวียนกลับมาซื้อใหม่ก็ไม่สาย ดีกว่าซื้อเก็บไว้จนเก่า หรือดีไซน์เชยจนเกินไป

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook