"ตลาดโรงเกลือ" ขุมทรัพย์หมื่นล้าน ยุคขาลง "ของมือสอง" สู่ "ดงสินค้าก๊อบปี้"

"ตลาดโรงเกลือ" ขุมทรัพย์หมื่นล้าน ยุคขาลง "ของมือสอง" สู่ "ดงสินค้าก๊อบปี้"

"ตลาดโรงเกลือ" ขุมทรัพย์หมื่นล้าน ยุคขาลง "ของมือสอง" สู่ "ดงสินค้าก๊อบปี้"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหตุปะทะกันล่าสุดระหว่างเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาที่ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว จากการไล่ปราบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับอนาคตของตลาดชายแดนแห่งนี้ และเกี่ยวพันไปถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย

ตลาดโรงเกลือก่อนจะเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูเป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้ามือสองระดับประเทศกำเนิดขึ้นหลังการสู้รบในกัมพูชาสงบลงผลกระทบของสงครามทำให้ชาวเขมรยากจนข้นแค้นส่วนหนึ่งได้อพยพเข้ามาอยู่ฝั่งไทย ส่วนหนึ่งก็นำสินค้าจากเวียดนาม จีน กัมพูชา มาขายที่บ้านวังมน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

อดีตโรงเกลือเน้นสินค้าพื้นถิ่น

ทั้งนี้ หลังความสงบสุขมาเยือนตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยได้ยกระดับด่านคลองลึกเป็น "จุดผ่อนปรนทางการค้าชายแดน" จึงเกิดการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ บริเวณโรงเกลือหรือโกดังเก็บเกลือในฝั่งไทย บริเวณใกล้กับด่านคลองลึก ก่อนที่จะกลายมาเป็น "ตลาดคลองลึก หรือตลาดโรงเกลือ" เรือนแถวไม้มุงสังกะสีแบ่งเป็นล็อก ๆ กว่า 1,000 แผง สินค้าส่วนใหญ่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคมาจากฝั่งเขมร มีทั้งสินค้าพื้นเมืองของเขมร จีน รัสเซีย และสินค้าของไทยบางส่วน ตลาดโรงเกลือถือว่าเป็นตลาดชายแดนที่ใหญ่ที่สุด การเก็บภาษีศุลกากรในยุคที่การค้าเฟื่องฟูมากเป็นลำดับที่ 2 รองจากท่าเรือคลองเตย

สินค้ามือสองสู่ดงของเลียนแบบ

ช่วงปี 2542 หลังตลาดโรงเกลือถูกถ่ายโอนมาอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว ได้มีการพัฒนาสิ่งปลูกสร้างถาวรขึ้นมาต่อเนื่อง มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะ "สินค้ามือสอง" จากเสื้อผ้ามือสองก็แตกแขนงออกเป็นรองเท้า กระเป๋า กางเกงยีนส์ ชุดชั้นใน ฯลฯ เริ่มมีคนไทยทั้งมาช็อปและพ่อค้าแม่ค้าจากจังหวัดต่าง ๆ มาซื้อไปขายต่อ มีเงินหมุนเวียนวันละ 20 ล้านบาทขึ้นไป และสูงขึ้นเป็น 10 เท่าในช่วงวันหยุด ยิ่งเข้าสู่ฤดูหนาวปลายปีก็จะถือเป็นไฮซีซั่น สินค้าที่ขายดีคือ "เสื้อกันหนาวมือสอง" จนเกิด "ตลาดโรงเกลือฟีเวอร์" ไปทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นยุคเฟื่องฟู

กระทั่งเมื่อธุรกิจ "เสื้อผ้ามือสอง" เริ่มชะลอและอิ่มตัวลง ก็เริ่มมีสินค้าประเภทครีมบำรุงผิวยี่ห้อดัง สบู่มะละกอ สบู่ผลไม้ และสินค้ามือสองใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ ได้แก่ กระเป๋าแบรนด์เนม และน้ำหอม โดยเริ่มจาก "ของแท้" มาเป็น "ของมือสองและของเลียนแบบ" หรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทยที่ต้องการ "ของดี ราคาถูก" จนมีสโลแกนออกมาว่า "ไม่รวยก็สวยได้ ที่ตลาดโรงเกลือ"

ผุด 10 ตลาดชายแดนบิ๊กสุดอาเซียน

กระแสฮอตฮิตดังกล่าว ทำให้เกิดการลงทุนตลาดใหม่ ๆ ขึ้นจากเดิมมีตลาดเก่า (ตลาด อบจ.) เพียงตลาดเดียว เพิ่มเป็น 10 ตลาดในปัจจุบัน ได้แก่ 1.ตลาด อบจ. 2.ตลาดเทศบาล 23.ตลาดเทศบาล 3 (ตลาดโกลเด้น เกต พลาซ่า) 4.ตลาดเบญจวรรณ 5.ตลาดวัฒนธรรม 6.ตลาดเดชไทย 7.ศูนย์การค้าอินโดจีน 8.ตลาดสตาร์พลาซ่า 9.เนเชอรอล พร็อพเพอร์ตี้ 10.ตลาดสมบูรณ์โชค และล่าสุดยังมีห้างเอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ต ในเครือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี จึงถือว่าเป็นตลาดชายแดนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

นางราตรี แสงรุ่งเรือง ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ยุคเฟื่องฟูน่าจะเป็นช่วงที่เสื้อผ้ามือสองทะลักเข้ามาจากของบริจาคญี่ปุ่นให้กับค่ายอพยพชาวกัมพูชา ก่อนที่เขมรจะนำมาขายคนไทยในราคาถูก และพัฒนาสู่ธุรกิจรับซื้อเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี จากนั้นก็เริ่มมีสินค้าหลากหลายมากขึ้น เช่น ครีมบำรุงผิว สบู่ผลไม้ จากเวียดนามเข้ามาทำตลาดจนได้รับความนิยมในหมู่คนไทยทั้งที่ไม่ใช่ของจริง

"เมื่อ Demand เยอะ Supply ไม่พอ พี่ไทยเลยเปิดโรงงานทำครีม ทำสบู่แถวชานกรุงส่งมาขายแทน ตลาดโรงเกลือจึงเป็นแหล่งกระจายสินค้า แม้แต่กระเป๋า รองเท้ามือสองจากเกาหลี ฮ่องกง ญี่ปุ่น ก็มีทั้งของจริงและของเลียนแบบยี่ห้อดัง เพราะกระแสคนไทยที่ต้องการแค่คำว่า "ของดี ราคาถูก" สุดท้ายมาจบที่โรงงานในไทยและเขมรทำขึ้นมาเองแล้วส่งมาขายที่นี่เหมือนเดิม ซึ่งไม่ต่างจากน้ำหอมที่เป็นต้นเหตุของการจับกุมของ DSI ซึ่งเริ่มมาจากของแท้ยุคสงครามเขมรที่นำของตกค้างฝรั่งมาวางขาย และเมื่อเป็นธุรกิจก็เริ่มมีการทำปลอม"

ปลอมจริง จ่ายจริง จับจริง

พ่อค้ารายหนึ่งที่ทำธุรกิจในตลาดโรงเกลือกล่าวว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ปลอมเข้ามาสวมรอยเยอะมาก ถ้ามา 5 คนจะเป็นของจริงแค่คนเดียว บางคนจับเสร็จก็นำของที่จับได้ไปขายต่อ คนเขมรไม่รู้เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ คิดว่าเมื่อจ่ายค่าคุ้มครองแล้วก็ต้องได้รับความคุ้มครอง แต่สุดท้ายกลับถูกหักหลัง

นายสาธิต ภู่หอมเจริญ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศกล่าวว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในตลาดโรงเกลือ ส่วนใหญ่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติ สินค้าไม่ได้ผลิตขึ้นในไทย โดยตลาดโรงเกลือเป็นเพียงช่องทางการจำหน่าย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่บุกตรวจจับกุมผู้ลักลอบขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่อเนื่องในลักษณะป้องปรามไม่ใช่ปราบปรามอะลุ่มอล่วยให้ผู้ค้าพออยู่ได้แต่ต้องไม่สร้างปัญหา ซึ่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 เป็นต้นมา มีการจับกุมไปแล้ว 33 ครั้ง มูลค่านับ 10 ล้านบาท หลังจากนี้ก็จะจับกุมต่อเนื่องโดยเฉพาะรายใหญ่

"เหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย แต่ผู้ประกอบการก็ได้รับค่าเช่าพื้นที่ คิดรวมแล้วมีรายได้นับหมื่นล้านบาทต่อปี ขึ้นอยู่กับว่าผู้รับผิดชอบจะชั่งน้ำหนัก เดินหน้านโยบายอย่างไร จะให้จำหน่ายสินค้าถูกต้องทั้งหมดเป็นไปได้ยาก เพราะนี่คือวิถีชีวิตคนชายแดน" นายด่านศุลกากรอรัญประเทศกล่าว

ผู้ว่าฯสระแก้ว ยอมรับแก้ยาก

ขณะที่ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วกล่าวว่า ตลาดโรงเกลือเป็นตลาดชายแดนที่พ่อค้าแม่ค้าเกือบทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะไม่ดี การแก้ปัญหาการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทางจังหวัดแก้ไขมานานแล้ว แต่แบบค่อยเป็นค่อยไปเพราะไม่ใช่แก้ไขได้ง่าย ๆ จะเห็นได้จากช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมาได้ร่วมกับหน่วยงานราชการ ทั้งมณฑลทหารบกที่ 19 กรมทรัพย์สินทางปัญญา และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกวาดล้างสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรการสระแก้วโมเดล

นอกจากนี้ได้ประสานกับเจ้าของลิขสิทธิ์หารือแนวทางแก้ไข แต่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่เคยเข้าร่วมประชุม การแก้ปัญหาจะต้องทำเป็นขั้นตอน เพื่อให้คนไทยและคนกัมพูชาที่อยู่ตามแนวชายแดน มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ส่วนการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเรื่องผิดกฎหมายจะต้องแก้ไขต่อไป

"พูดกันตรง ๆ ว่าปัญหานี้แก้ไขได้ค่อนข้างยาก แต่ผมก็พยายามบอกเขามานานแล้วว่าจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะถ้าไม่หยุดพฤติกรรมทำผิดกฎหมาย เราก็ต้องดำเนินคดี เราอยากให้ตลาดโรงเกลือเป็นตลาดสินค้ามือสอง" ผู้ว่าฯสระแก้วระบุ

ด้าน นายทรงยศ เทียนทอง นายก อบจ.สระแก้ว ซึ่งดูแลตลาดโรงเกลือเก่ากล่าวว่า เห็นด้วยหากจะมีการจัดระเบียบตลาดโรงเกลือ แต่ต้องดูผลกระทบรอบด้าน และดูตลาดชายแดนที่อื่นด้วย ที่สำคัญต้องพิจารณาทั้งในแง่ของการรักษากฎหมายและความเป็นอยู่ของประชาชนชายแดนด้วย

นับเป็นยุคเปลี่ยนผ่านของตลาดโรงเกลืออีกครั้งพร้อมๆ กับการมุ่งสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว ที่รัฐบาลหมายมั่นให้เป็นไพลอตโปรเจ็กต์คู่กับแม่สอด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook