ปรับนายจ้างส่งเงินสมทบช้า "ประกันสังคม"ชี้ยอดค้างอื้อ 3 พันล้าน

ปรับนายจ้างส่งเงินสมทบช้า "ประกันสังคม"ชี้ยอดค้างอื้อ 3 พันล้าน

ปรับนายจ้างส่งเงินสมทบช้า "ประกันสังคม"ชี้ยอดค้างอื้อ 3 พันล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักงานประกันสังคมกุมขมับ ยอดนายจ้างค้างจ่ายสมทบกองทุนประกันสังคมตั้งแต่ปี 2533 รวม 3,000 ล้าน จาก 7,000 สถานประกอบการ เตรียมใช้ไม้แข็งตามกฎหมายใหม่ จ่ายช้าปรับร้อยละ 2 ของเงินที่ค้าง!!

นายโกวิท สัจจวิเศษ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงปัญหานายจ้างค้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมว่า ปัญหานายจ้างค้างจ่ายเป็นมาตั้งแต่เริ่มตั้งกองทุนในปี 2533 ซึ่งปัจจุบันมียอดค้างจ่ายสะสมประมาณ 5,400 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้สามารถติดตามคืนมาได้แล้วประมาณ 2,400 ล้านบาท คงเหลือจำนวนเงินค้างจ่ายประมาณ 3,000 ล้านบาท จากสถานประกอบการประมาณ 6,000-7,000 แห่ง

ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เช่น ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรสาคร นครปฐม เป็นต้น จากสถานประกอบการในระบบประกันสังคม 400,000 แห่ง โดยสาเหตุหลักที่นายจ้างค้างจ่ายมาจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้จำนวนเงินไม่เพียงพอในการบริหารจัดการ ต้องนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นต่อความอยู่รอดของธุรกิจก่อน บางส่วนไม่สะดวกในการเดินทางมาทำธุรกรรมที่สำนักงานประกันสังคมได้ทุกเดือน ใช้วิธีจ่ายรวบยอด 3-4 เดือนครั้ง โดยเงินสมทบในมาตรา 33 ที่ สปส.จัดเก็บได้ในแต่ละเดือนมีจำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท

นายโกวิทกล่าวว่า ในภาพรวมการติดตามทวงเงินสมทบอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะนายจ้างค้างเงินสมทบอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่ง สปส.ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่มีหน้าที่ยึดและอายัดทรัพย์สิน และส่วนที่มีหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน ซึ่งกรณีที่สถานประกอบการยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ก็จะติดตามให้นายจ้างมาชำระเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกรณีที่ปิดกิจการไปแล้วก็จะฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อยึดและอายัดทรัพย์สิน เพื่อไปขายทอดตลาดและนำเงินมาจ่ายเป็นเงินสมทบ ทั้งนี้ การติดตามทวงเงินสมทบจะใช้ขั้นตอนจากเบาคือ การเตือน เชิญพบเพื่อพูดคุย ตรวจสอบทรัพย์สิน จนกระทั่งถึงการดำเนินการตามกฎหมาย การยึดและอายัดทรัพย์สิน

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 ได้เปลี่ยนแปลงกำหนดระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบและโทษปรับกรณีจ่ายเงินสมทบล่าช้า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยเงินสมทบงวดเดือนกันยายน 2558 นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบอย่างช้าสุดไม่เกินวันที่ 19 ตุลาคม 2558

สำหรับเงินสมทบงวดเดือนตุลาคม นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เช่น เงินสมทบงวดเดือนตุลาคมต้องจ่ายเงินสมทบภายใน 15 พฤศจิกายน หากจ่ายหลังจากวันที่ 15 พฤศจิกายน นายจ้างจะมีโทษปรับเพิ่มร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินสมทบที่ค้างจ่าย โดยคำนวนค่าปรับป็นรายวัน แต่เงินที่ปรับต้องไม่เกินจำนวนเงินทั้งหมดที่นายจ้างค้างจ่าย จากเดิมที่คิดค่าปรับร้อยละ 2 ต่อเดือน คำนวณเป็นรายเดือน แม้จะจ่ายล่าช้าไปเพียงวันเดียวก็ถูกคิดค่าปรับเป็นเดือน

นอกจากนี้ยังกำหนดโทษกรณีที่นายจ้างไม่แจ้งขึ้นทะเบียนประกันสังคมให้ลูกจ้าง การแจ้งขึ้นทะเบียนเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สปส.ทุกแห่งแจ้งต่อสถานประกอบการให้รับทราบถึงกฎหมายใหม่นี้แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook