รัฐเดินหน้า “กองทุนออมแห่งชาติ” ดีเดย์ 18 ส.ค.นี้

รัฐเดินหน้า “กองทุนออมแห่งชาติ” ดีเดย์ 18 ส.ค.นี้

รัฐเดินหน้า “กองทุนออมแห่งชาติ” ดีเดย์ 18 ส.ค.นี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐเดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ ดีเดย์ 18 ส.ค. ดูแลคนไทยในวัยเกษียณที่ไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญ 30 ล้านคน หวังสร้างนิสัยการออมทุกช่วงวัย แนะออมเร็วออมมาก ยิ่งสบายยามชรา


พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ ( กอช.) ว่า ขณะนี้การจัดเตรียมระบบรองรับใกล้สมบูรณ์พร้อมให้บริการแล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้รับสมัครสมาชิกรายแรกของกองทุนด้วยตัวเอง ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้

ทั้งนี้ กองทุนการออมแห่งชาติเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือ อยู่นอกระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ หรือ กองทุนเอกชนที่มีนายจ้างจ่ายสมทบแล้ว ซึ่งคาดว่า มีอยู่กว่า 30 ล้านคน ได้ออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ โดยภาครัฐจะช่วยจ่ายสมทบให้ส่วนหนึ่ง และเมื่อผู้ออมมีอายุครบ 60 ปี ก็จะได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนตลอดชีพ ถือเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิตในยามที่ไม่มีรายได้ประจำ และเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกกองทุนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีประมาณ 3,500 สาขาทั่วประเทศ โดยใช้หลักฐานเพียงบัตรประชาชนอย่างเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ หากออมเร็วและออมในอัตราสูงก็จะได้รับเงินบำนาญมากขึ้นตามสัดส่วน อาทิ ออมเดือนละ 1,000 บาท เท่ากัน หากเริ่มออมตั้งแต่อายุ 20 เมื่อเกษียณจะได้รับเงินบำนาญพร้อมเบี้ยเลี้ยงชีพ รวม 7,000 บาทเศษต่อเดือน และหากเริ่มออมอายุ 30 จะได้เงินบำนาญ 4,441 บาท, เริ่มอายุ 40 จะได้ 2,646 บาท เป็นต้น โดยผู้สนใจจะสมัครเข้าร่วมกองทุนสามารถศึกษาตารางอัตราผลตอบแทนได้ที่ธนาคารทั้ง 3 แห่ง

สำหรับผู้ที่มีระยะเวลาหรือจำนวนเงินออมน้อย เช่น อายุ 50 ออม เดือนละ 500 บาท เมื่อคำนวนแล้วจะได้เพียง 455 บาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่า กอช. จะใช้เงินกองทุนจ่ายสมทบ ให้เป็นเงินดำรงชีพเดือนละ 600 รวมกับเบี้ยยังชีพเดือนละ 600 รวมรับเดือนละ 1,200 บาท จนกว่าเงินในบัญชีจะหมด จากนั้นก็ได้รับเพียง เบี้ยยังชีพ

ขณะที่ กลุ่มผู้ที่จะเข้าเป็นสมาชิก กอช.เปิดกว้างตั้งแต่ช่วงอายุ 15-60 ปี ครอบคลุมผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น เกษตรกร ค้าขาย รับจ้างทั่วไป คนขับรถแท็กซี่ แม่บ้าน สถาปนิก แพทย์ ทนายความ ลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างชั่วคราว นักการเมือง (ส.ส.) นักการเมืองท้องถิ่น นักเรียน นิสิต นักศึกษา ฯลฯ โดยสมาชิกต้องไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือภาคเอกชนหรือกองทุนตามกฎหมายอื่น ซึ่งได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้างอยู่แล้ว ซึ่งส่งเงินสะสมขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 50 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี โดยเงินที่สะสมนี้จะได้รับดอกเบี้ยด้วย

การสมทบจากภาครัฐจะเพิ่มตามสัดส่วนอายุ ได้แก่

1. สมาชิกอายุตั้งแต่ 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี รัฐสมทบร้อยละ 50 ของเงินสะสม แต่สูงสุดไม่เกิน 600 บาทต่อปี

2. อายุ 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี รัฐสมทบให้ร้อยละ 80 แต่สูงสุดไม่เกิน 960 บาทต่อปี

3. อายุ 50 ปีขึ้นไป รัฐสมทบร้อยละ 100 แต่สูงสุดไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี

“โดยปกติ กอช.จะรับสมาชิกเฉพาะผู้มีอายุ 15-60 ปี และให้ออมเงินจนอายุ 60 แต่เฉพาะในหนึ่งปีแรกที่ พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้ อนุญาตให้ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปมีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกได้ และกำหนดให้ผู้สมัครที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปมีสิทธิออมกับกองทุนได้ 10 ปีนับจากวันที่เป็นสมาชิก ซึ่งจะทำให้ได้รับเงินสมทบจากรัฐอย่างเต็มที่ เช่น หากอายุ 55 สมัครกองทุนในปีนี้ สามารถออมได้ 10 จนถึงอายุ 65″

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook