แบ่งเบาภาระมารดา! จ่าย400บาทให้เด็กเกิด ช่วง 1ต.ค.58-30ก.ย.59 ตีปี๊บหน่วยงานเร่งดู
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/mn/0/ud/59/295373/mon1507582.jpgแบ่งเบาภาระมารดา! จ่าย400บาทให้เด็กเกิด ช่วง 1ต.ค.58-30ก.ย.59 ตีปี๊บหน่วยงานเร่งดู

    แบ่งเบาภาระมารดา! จ่าย400บาทให้เด็กเกิด ช่วง 1ต.ค.58-30ก.ย.59 ตีปี๊บหน่วยงานเร่งดู

    2015-07-15T10:18:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    รองโฆษกรัฐบาลแจง รัฐเร่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับนโยบายดูแลเด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจนจ่ายเงินเดือนละ 400 บาทให้เด็กที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 58 ถึง 30 ก.ย. 59 เชื่อแบ่งเบาภาระแม่และหนุนให้ลูกได้รับบริการสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

    พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลเดินหน้าโครงการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจน โดยมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 400 บาท ต่อคน ต่อเดือนเป็นเวลา 1ปี สำหรับเด็กที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 58 ถึง 30 ก.ย. 59 ซึ่งเป็นนโยบายที่รับผิดชอบโดย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

    ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ อสม. อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม.) บ้านพักเด็กและครอบครัว อปท. ทั่วประเทศ รวมทั้งสำนักงานเขตดำเนินการประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่ให้มาเข้าร่วมโครงการ และให้ดำเนินการเตรียมการเรื่องการดูแลและติดตามจ่ายเงินอุดหนุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ทั้งนี้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์และมีกำหนดที่คลอดบุตรในช่วงดังกล่าวสามารถมาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ ได้ โดยมีเอกสารที่ควรเตรียมได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก สูติบัตรเด็กแรกเกิด(นำมายื่นหลังจากคลอดบุตร) และแบบรับรองสถานะครัวเรือน และ ใบลงทะเบียนรับรองสิทธิ


    โดยในต่างจังหวัดดำเนินการผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล และ อบต. และในเขตกรุงเทพมหานยื่นที่สำนักเขตตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับการสนับสนุนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

    “เป้าหมายสำคัญของโครงการนี้คือ การสนับสนุนให้คุณแม่ได้ดูแลสุขภาพบุตรอย่างเป็นมาตรฐาน เพราะจะต้องนำบุตรไปตรวจร่างกาย รับวัคซีนให้ครบถ้วนตามช่วงอายุด้วย จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 400 บาทต่อเดือนทุกเดือน จนทารกอายุครบ 1 ปี อีกทั้งการนำบุตรไปพบแพทย์จะทำให้คุณแม่ได้รับคำแนะนำด้านสุขภาพอนามัยและการเลี้ยงดูบุตรไปในตัว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเลี้ยงดูบุตรได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ส่วนเงินอุดหนุนเป็นเพียงผลพลอยได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

    พลตรีสรรเสริญกล่าวต่อว่า คาดว่าจะมีเด็กแรกเกิดประมาณ 135,768 คน ในโครงการ และ หลังจากจบโครงการจะมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอีกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป

    ทั้งนี้ในเบื้องต้น คุณสมบัติของครอบครัวที่จะได้รับเงินอุดหนุนคือ มีรายได้ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ไม่มีที่ดินทำกิน หรือ มีภาวะพึ่งพิง ได้แก่ ในครอบครัว มีคนพิการ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีในปกครอง เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นต้น