ทองเด้งดึงกองทุน2หมื่นล.ลงดอย ข่าวบวกIMFนับหยวนเข้าทุนสำรอง-หนี้กรีซไม่จบ

ทองเด้งดึงกองทุน2หมื่นล.ลงดอย ข่าวบวกIMFนับหยวนเข้าทุนสำรอง-หนี้กรีซไม่จบ

ทองเด้งดึงกองทุน2หมื่นล.ลงดอย ข่าวบวกIMFนับหยวนเข้าทุนสำรอง-หนี้กรีซไม่จบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักลงทุน "ติดดอย" กองทุนทองกว่า 2 หมื่นล้านบาท จดจ่อรอสัญญาณราคาดีดขึ้น "ฮั่วเซ่งเฮง" ชี้ตัวแปรหนุนจากค่าเงินดอลลาร์อ่อน หลังมีข่าวไอเอ็มเอฟใช้ "เงินหยวน" เป็นทุนสำรอง แถมปัญหาหนี้กรีซไร้ทางออก พร้อมแนะ "ทยอยสะสม" หากยังมีกระสุนเหลือลงทุน

นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่านับตั้งแต่กลางปี 2556 จนถึงปัจจุบัน กองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ ตกอยู่ในภาวะที่แทบไม่มีเงินไหลเข้าและออกอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุด (ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2558) กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 3.36 หมื่นล้านบาท ลดลงจากสูงสุดที่อยู่ประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนเข้ามาซื้อกองทุนทองคำยอดสูงสุด 2 ช่วง ได้แก่ ไตรมาส 1/2555 มูลค่าการลงทุน 9.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่ทองคำมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 24,886 บาท และไตรมาส 1/2556 มูลค่าการลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ราคาทองคำเฉลี่ยที่บาทละ 23,060 บาท รวมเป็นมูลค่าการซื้อขายในช่วงที่กระจุกตัวทั้งสิ้น 20,500 ล้านบาท

"เราพบว่าปัจจุบันมีนักลงทุนที่ซื้อกองทุนทองคำแล้วยังไม่ได้ขายออกอยู่เป็นจำนวนมาก เท่าที่สำรวจความเคลื่อนไหวของกองทุนนี้ตั้งแต่ช่วงที่ซื้อขายคึกคัก จนถึงช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง ก็ยังไม่มีการถอนเงินลงทุนออกอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นสาเหตุหลักที่มูลค่ากองทุนปรับตัวลดลง น่าจะเป็นผลจากราคาของหน่วยลงทุนที่ปรับตัวลดลงตามราคาทองมากกว่า"

ทั้งนี้ ข้อมูลของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ฯชี้ว่า ผลตอบแทนจากกองทุนทองคำย้อนหลังช่วง 1-5 ปี ติดลบต่อเนื่อง (ดูตาราง) แต่ก็มีแนวโน้มติดลบลดลง โดยคงอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่พลิกกลับมาเป็นบวก

นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนส่วนหนึ่งที่ยังคงมีต้นทุนการซื้อทองคำที่สูง น่าจะเป็นผลจากภาวะที่ราคาทองปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในปี 2556 ที่เกิดวิกฤตไซปรัส ได้สร้างความกังวลว่า อาจจะมีการนำทองคำซึ่งเป็นทุนสำรองออกมาขายชำระหนี้ อีกทั้งตลาดลงทุนทองคำก็ยังต้องเผชิญปัจจัยลบจากการที่สหรัฐได้ทยอยปรับลดมาตรการทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) จนถึงการยกเลิก QE จึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดฝัน

อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาทองคำในช่วงหลังจากนี้ น่าจะมีปัจจัยบวกต่าง ๆ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีแผนจะนำเงินหยวนเข้าไปคำนวณในเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้บทบาทของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐมีอิทธิพลลดลง และเกิดการอ่อนค่าตามลำดับ รวมถึงกรณีกรีซยังไม่สามารถหาทางออกด้านการแก้ไขปัญหาหนี้ได้ ก็จะยิ่งส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน

"ส่วนตัวมีความเห็นว่า นักลงทุนที่เข้าไปซื้อทองในช่วงก่อนหน้า ยังไม่จำเป็นต้องรีบขาย หากต้องการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนระยะยาว เพราะที่ผ่านมาราคาทองคำก็ปรับตัวลดลงจนใกล้จุดต่ำสุดแล้ว และหลังจากนี้ก็ยังมีปัจจัยบวกที่พอจะรอลุ้นได้ ดังนั้นกลยุทธ์ที่เราแนะนำสำหรับคนที่มีสถานะถือทองในต้นทุนที่สูง คือ ให้ซื้อถัวเฉลี่ยเพิ่ม เพราะท้ายที่สุดทองคำจะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในภาวะที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ" นายธนรัชต์กล่าวและว่า นักลงทุนระยะสั้นแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" หากราคาทองคำโลก (Spot Gold) อยู่ที่ 1,170 เหรียญต่อออนซ์ และขายที่ระดับไม่เกิน 1,200 เหรียญต่อออนซ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook