6 ธุรกิจเริ่มต้นด้วยเงินหลักพัน

6 ธุรกิจเริ่มต้นด้วยเงินหลักพัน

6 ธุรกิจเริ่มต้นด้วยเงินหลักพัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อพูดถึงการเริ่มต้นธุรกิจแล้วนั้น ผู้คนทั่วไปมักคิดว่าจะต้องเป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง จะต้องไปกู้ยืมเงินมาเริ่มต้นลงทุนในช่วงแรกอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายธุรกิจที่เริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่บาทเท่านั้น เนื่องจากธุรกิจที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้เป็นที่ธุรกิจที่สามารถเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องลงทุนเงินมาก ไม่ต้องใช้พนักงาน ไม่ต้องมีออฟฟิศ และอาจไม่ต้องใช้แม้กระทั่งแผนธุรกิจในระยะยาว

หลายคนอาจจะมองว่าธุรกิจเหล่านี้เป็นเพียงแค่ธุรกิจเล็กๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วตัวอย่างธุรกิจเหล่านี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดพัฒนาและขยับขยายเป็นธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตก็ได้ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าทั้ง 6 ธุรกิจที่เราสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงหลักพันนั้นจะมีอะไรกันบ้าง


1ฟรีเลนซ์

หาทักษะที่ตัวเองมี ฝึกฝนให้ดีแล้วเริ่มรับจ้าง Freelance ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการเริ่มต้นธุรกิจโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยนอกจากการเรียนรู้ในด้านที่ตัวเองถนัดให้ดี จริงอยู่ที่ลักษณะงาน Freelance อาจมีรูปแบบคล้ายงานประจำบ้าง แต่อิสระในการรับงานจากหลายเจ้า และกำหนดเวลาทำงานด้วยตัวเองก็ทำให้ Freelance นั้นมีลักษณะคล้ายกับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของธุรกิจมากขึ้นเพราะต้องทั้งวางแผนการรับงานและกำหนดการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ

ทุกวันนี้มีหลายองค์กรที่นิยมใช้บริการของ Freelance กันมากขึ้น ทั้งนักเขียน นักพัฒนาเว็บไซต์ นักพัฒนาแอพลิเคชั่น นักการตลาด รวมไปถึงอีกหลายงานที่บริษัทคาดหวังให้จบเป็นโปรเจคๆ ไป การเลือกใช้ Freelance ก็เป็นอีกทางที่ลดต้นทุนแทนการจ้างพนักงานขององค์กรเหล่านี้ได้มาก

2ขายของบนอีเบย์


ใครๆ ก็เริ่มต้นขายของในตลาดที่ใหญ่ระดับโลกอย่าง Ebay ได้ ด้วยการแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจน และการเข้าถึงของลูกค้าจากทั่วโลก ทำให้ Ebay เป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจที่จะหาลูกค้าตรงกับความต้องการกับสิ่งที่เราจะขายได้ง่ายกว่าการหาพื้นที่ขายสินค้าแบบ Offline ลองหาไอเดียดูว่าอะไรที่เป็นที่นิยมและเราสามารถหามาขายได้ง่ายๆ

หรือถ้าไม่เช่นนั้นอาจจะรับเป็นนายหน้าขายของใน Ebay ให้กับคนอื่นๆ ที่มีของอยากจะขาย ซึ่งเพื่อไปการลดความเสี่ยงผู้ประกอบการสายนี้ส่วนมากก็มักที่จะตกลงกันว่าจะให้เงินกับผู้ฝากขายก็ตอนที่สินค้าเหล่านั้นขายได้แล้ว จากนั้นค่อยหัก 20% จากราคาขายของสินค้าชิ้นนั้น เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการรับซื้อสินค้ามาแล้วแต่ขายไม่ออก

3ขายของบนเว็บไซต์

การใช้เว็บหาเงินนั้นไม่ได้หมายความว่าเว็บเหล่านั้นจะต้องเป็นเว็บสำหรับขายของเสมอไป เพราะมีเว็บ Content อีกมากมายที่อยู่ได้ด้วยค่าโฆษณาจากแบรนด์อื่นๆ ซึ่งข้อดีของการเป็นเว็บคอนเทนท์นั้นก็คือความประหยัดในเรื่องของต้นทุนที่ไม่ต้องมีการสต็อกสินค้าเอาไว้ขายเหมือนอย่างเว็บที่ทำการค้าต่างๆ แต่ความยากก็คือการหาไอเดียของเว็บคอนเทนท์ว่าควรออกมาเป็นอย่างไร และออกมาในรูปแบบไหนจึงจะตรงกับความต้องการของคนทั่วไป

ซึ่งนอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความถนัดในคอนเทนท์ด้านนั้นๆ ของตัวเราเองด้วยว่าสามารถสร้างคอนเทนท์ได้เจาะลึกและน่าติดตามได้แค่ไหน ซึ่งเมื่อทำได้สำเร็จแล้วทีนี้ก็พยายามรักษาปริมาณของผู้เข้าชมเอาไว้ในระดับที่พอใจ จากนั้นค่อยลองติดต่อหาแบรนด์ที่สนใจจะลงโฆษณามาตกลงเรื่องราคากัน

หรืออีกแนวทางนึงคือลองศึกษาเกี่ยวกับบริการของ Google Adsense ที่จะเลือกโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับ content ของเรามาลงบนพื้นที่หน้าเว็บให้โดยอัตโนมัติ

4ขายตรง


จริงๆ แล้วการขายตรงหรือ Direct Sales เป็นกลยุทธ์ทางการขายอีกอย่างหนึ่งที่ธุรกิจดังๆ มักใช้กัน แต่น่าเสียดายที่ภาพลักษณ์ของการขายตรงในประเทศเรานั้นมักถูกเหมารวมว่าเป็นการหลอกลวงขายฝัน และมีจุดประสงค์หลักในการหาค่าสมาชิกใหม่ๆ เป็นลูกโซ่มาเรื่อยๆ มากกว่าการเน้นไปขายที่ตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งสินร้านค้าปลีกก็นับได้ว่าเป็นการขายตรงเช่นกัน

แต่ทั้งนี้ก็ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่มีลักษณะเป็นธุรกิจขายตรงที่ยังมีภาพลักษณ์ที่ดีอยู่อย่างเช่น เครื่องสำอางมิสทีน เป็นต้น ซึ่งหลักการเลือกธุรกิจขายตรงง่ายๆ ก็ควรเลือกจากธุรกิจที่ดูทันสมัย มีการปรับเปลี่ยนและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่บ่อยๆ และที่สำคัญต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือด้วย

5 ติวเตอร์



การเป็นติวเตอร์หรือครูพิเศษนั้นถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะไม่ต้องลงทุนอะไรมากนอกจากความรู้ที่มีและการเตรียมตัวสอนที่ดี ซึ่งทั้งนี้ธุรกิจติวเตอร์นั้นควรเลือกวิชาหรือหลักสูตรการสอนต่างๆ ที่เป็นที่นิยมและที่ตัวเองมีความถนัดเพื่อให้การเรียนการสอนนั้นมีคุณภาพและตรงตามความต้องการของผู้เรียนมากขึ้นจนเกิดกระแสปากต่อปากไปยังผู้ที่สนใจเรียนพิเศษคนอื่นๆ ได้อีกด้วย

ซึ่งสำหรับธุรกิจติวเตอร์นั้นในช่วงแรกอาจเริ่มต้นจากเพียงตัวเราเองหนึ่งคนจากนั้นอาจค่อยมีการขยับขยายรวมกลุ่มกันมากขึ้นติวเตอร์ที่ถนัดในด้านอื่นๆ เพื่อสร้างแบรนด์ที่ครบตามหลักสูตรวิชาที่มีคนใจเรียน และที่สำคัญธุรกิจติวเตอร์นี้มักจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ค่อนข้างแย่ แต่มีการแข่งขันที่สูงจนทำให้ผู้ปกครองส่วนมากจึงยอมจ่ายค่าเรียนในอัตราที่สูงเพื่อให้ลูกๆ ตัวเองนั้นแข่งขันกับคนอื่นๆ ได้

6 พัฒนาApplication


หากมีไอเดียดีๆ ด้าน Application Online ก็อย่าเก็บเอาไว้เพราะนี่อาจเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นธุรกิจของเราก็ได้ การปรับไอเดียเป็น Application ออกขายนั้นเป็นอีกวิธีที่เน้นการลงทุนด้านความคิดมากกว่าที่จะใช้เงินในการทำธุรกิจ แต่เรื่องไอเดียนั้นก็ไม่ได้สามารถกลั่นออกมาได้ง่ายอย่างที่คิด ไหนจะต้องมานั่งกังวลปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ Application ในประเทศอีก ทำให้แม้ว่าจะวิธีเริ่มต้นธุรกิจที่ลงทุนไม่มาก

แต่ก่อนลงมือพัฒนา Application สักตัวนั้นเราจึงควรศึกษาและวางแผนการทำงานให้ดีเพื่อไม่ให้เวลาที่ใช้ต้องเสียเปล่าไปหาก Application คิดขึ้นมาได้นั้นไม่สามารถทำเงินให้กับเราได้ เช่น เราอาจจะต้องมองให้ไกลให้ Application มีความเป็นสากลขึ้นหากคิดว่า Application ที่คิดอาจไม่เป็นที่นิยมในประเทศตัวเองหรือกลัวปัญหาละเมิดลิขสิทธิ เพราะอย่างน้อยก็สามารถไปจับตลาดอื่นๆ นอกประเทศได้ เป็นต้น

• • •

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ไอเดียส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นธุรกิจตัวเองแบบง่ายๆ เท่านั้น จริงๆ แล้วอาจจะยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ลงทุนน้อยแต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าใครที่จะเห็นช่องทางในการทำกำไรนั้นก่อน การหมั่นเปิดหูเปิดตาหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมออาจทำให้เรานั้นสามารถเห็นช่องทางการทำธุรกิจได้ไม่ยากเลย

ที่มาเว็บไซต์เส้นทางเศรษฐี

ขอบคุณเนื้อหาจากhttp://incquity.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook