พิษไข้"รถคันแรก"ยังไม่สร่าง 3ปีหนี้เสียเช่าซื้อพุ่งปรี๊ด82%

พิษไข้"รถคันแรก"ยังไม่สร่าง 3ปีหนี้เสียเช่าซื้อพุ่งปรี๊ด82%

พิษไข้"รถคันแรก"ยังไม่สร่าง 3ปีหนี้เสียเช่าซื้อพุ่งปรี๊ด82%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำรวจ "เอ็นพีแอล" รถคันแรก 3 ปียังพ่นพิษไม่สร่าง ดันยอดเอ็นพีแอลสินเชื่อรถยนต์แตะ 2.2 หมื่นล้านบาท พุ่งขึ้น 82% ด้านประธานสมาคมเช่าซื้อชี้ยอดยึดรถคืนเริ่มปรับตัวลดลง ลุ้นยอดขาย

มอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคมออกหัวหรือก้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2557 พบว่าสินเชื่อรถยนต์ ณ สิ้นปี 2557 หดตัวลง -3.4% หลังจากเร่งตัวสูงมากเมื่อ 2 ปีก่อน คือ ระดับ 39% และ 8.4% ในปี 2555 และ 2556 ตามลำดับ

สินเชื่อรถติดลบ 3.4%

นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า สินเชื่อรถยนต์ที่ติดลบ 3.4% ในสิ้นปี 2557 เกิดจากการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินไม่ทันกับการจ่ายคืนหนี้ จากที่ได้เร่งตัวขึ้นสูงมากเมื่อปี 2555 จากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลขณะนั้น

ส่วนตอนนี้เป็นธรรมชาติของสินเชื่อรถยนต์ (เช่าซื้อรถยนต์) ที่มีกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ไม่เกิน 7 ปี ซึ่งสั้นกว่าระยะเวลาชำระหนี้สินเชื่อบ้านที่ใช้เวลา 10-20 ปี ดังนั้น จึงเห็นยอดสินเชื่อรถยนต์ค่อย ๆ ลดลง และเมื่อไม่มีการปล่อยสินเชื่อใหม่ในจำนวนที่มากพอ ยอดคงค้างจึงลดลงโดยอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สินเชื่อรถคันแรกจะมีผลให้การขยายตัวของสินเชื่อรถยนต์โดยรวมเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าสินเชื่อรถคันแรกไม่ได้มีสัดส่วนในสินเชื่อรถยนต์มากนัก และไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญ

แม้ว่าในรายงานของ ธปท.จะพบว่า คุณภาพของสินเชื่อรถยนต์ใน 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555-2557) ยอดคงค้างสินเชื่อที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน (NPLs) เพิ่มขึ้นเป็น 21,800 ล้านบาทในปี 2557 จากระดับ 12,000 ล้านบาทในปี 2555 หรือเพิ่มขึ้น 82% ขณะที่ยอดคงค้างสินเชื่อค้างชำระตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่เกิน 3 เดือน (SM) ก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 71,200 ล้านบาทในสิ้นปี 2557 จากระดับ 50,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 หรือเพิ่มขึ้น 42% (ดูตาราง) แม้จะไม่ใช่หนี้เสียแต่สถาบันการเงินจะต้องจับตาเป็นพิเศษ สะท้อนว่าคุณภาพสินเชื่อรถยนต์ยังมีแนวโน้มด้อยคุณภาพในระดับสูงอยู่

รถยึดคงค้าง 1.4 หมื่นคัน

สำหรับรายงานจากกรมสรรพสามิตระบุว่า ตั้งแต่ดำเนินโครงการรถยนต์คันแรกมีผู้ขอใช้สิทธิ์ 1,259,102 ราย และมีผู้ที่ได้รับรถหรือส่งมอบรถแล้ว 1,124,011 ราย คงเหลือผู้ไม่ได้รับอีก 112,290 ราย ซึ่งผู้เข้าโครงการใช้สินเชื่อซื้อรถ 84.79%

นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และงานขายลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต ในฐานะประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า คุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อหรือสินเชื่อรถยนต์โดยรวมอยู่ในระดับที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 2.5% ของสินเชื่อทั้งระบบ มียอดคงค้างราว 1 ล้านล้านบาท และถือว่าลดลงจากช่วงก่อนหน้า เนื่องจากสถาบันการเงินเข้าไปให้ความช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ได้ประมาณ 7-8% ของลูกหนี้ทั้งหมด

ส่วนปริมาณรถถูกยึดเห็นว่า ภาพรวมปรับตัวลดลงตั้งแต่ปลายปี 2557 โดยลดลงประมาณ 10-20% จากเดิมที่มีจำนวนรถถูกยึดคงค้างประมาณ 1.3-1.4 หมื่นคัน ในแง่หนึ่งสะท้อนว่า เต็นท์รถมือสองเริ่มระบายสต๊อกได้แล้ว ขณะเดียวกันก็เริ่มเข้ามาประมูลซื้อรถรอบใหม่มากขึ้น ขณะที่อัตราการขาดทุนจากการขายรถถูกยึดก็ลดลงเหลือ 27-28% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 32-33%

"สถานการณ์หนี้เสียในตลาดเริ่มนิ่งและปรับตัวลดลงแล้ว ส่วนโครงการรถคันแรกที่เคยก่อปัญหานั้น ผู้ประกอบการก็ปรับตัวได้ดี ต้องใช้เวลาประมาณ 18 เดือน ในระยะนี้จะเริ่มส่งผลดีต่อพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งหากสามารถระบายสต๊อกรถได้ก็น่าจะทำให้กำไรกลับมาดีขึ้น"

นอกจากนี้ ยังคาดว่าในปี 2558 ยอดขายรถยนต์จะเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5% หรือเพิ่มเป็น 9 แสนคัน และมองว่าจะมีการเติบโตในส่วนของรถปิกอัพมากกว่ารถเก๋ง เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนนัก คนทั่วไปจึงมองหารถเพื่อประกอบอาชีพมากกว่า ส่วนรถยนต์เก๋งขนาดกลางถึงเล็กยังต้องเผชิญกับภาวะอิ่มตัวจากโครงการรถคันแรก จึงทำให้ปีนี้จะมียอดรถใหม่เป็นรถปิกอัพ 60% รถเก๋ง 40% จากเดิมมีสัดส่วน 55 : 45

"ถ้าปีนี้มีเม็ดเงินจากภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้จริง แนวโน้มธุรกิจก็น่าจะดีขึ้น ในเวลาที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงก็น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของยอดขายรถยนต์ ซึ่งต้องจับตาดูในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ที่จะมีงานมอเตอร์โชว์ และเป็นช่วงปิดงบฯของบริษัทญี่ปุ่น ว่าหลายค่ายจะจัดโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมาได้หรือไม่"

ลุ้นครึ่งปีหลังพลิกฟื้น

ด้านนายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัดกล่าวว่า ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 น่าจะยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้สถาบันการเงินยังให้ความสำคัญกับการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ จนกว่าจะเห็นสัญญาณ NPLs ทรงตัว และอาจจะผ่านจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2558

"ปีนี้น่าจะเห็นสถาบันการเงินเลี่ยงแข่งขันในเรื่องราคา เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ส่วนการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระก็อาจกระทบต่อคุณภาพลูกหนี้ได้ ตอนนี้แม้สัญญาณหนี้เสียจะเริ่มนิ่งแล้ว แต่ต้องจับตา 3-4 เดือนจากนี้ว่าตลาดจะยังสามารถไปต่อได้หรือไม่ ถ้าหากพ้นครึ่งแรกของปีไป ก็เชื่อว่าตลาดน่าจะกลับสู่ภาวะปกติแล้ว"

ทั้งนี้ รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2558 โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ระบุว่า ปริมาณการผลิตและการจำหน่ายรถยนต์ในปี 2558 เริ่มจะกลับมาขยายตัวจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคัน และ 7.8 แสนคันตามลำดับ อีกทั้งน่าจะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เนื่องจากการปรับตัวของตลาดรถยนต์ได้สิ้นสุดลงแล้วในปี 2557 หลังจากสิ้นสุดมาตรการรถยนต์คันแรก และทำให้ปริมาณจำหน่ายและผลิตรถยนต์ของทั้งปี 2557 ลดลง -39.6% และ -23.5% ตามลำดับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook