ดีหรือไม่กับการดำเนินธุรกิจผ่านบัตรเครดิต?

ดีหรือไม่กับการดำเนินธุรกิจผ่านบัตรเครดิต?

ดีหรือไม่กับการดำเนินธุรกิจผ่านบัตรเครดิต?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พูดถึงการดำเนินธุรกิจนั้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่พึ่งเปิดธุรกิจใหม่ๆ สิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ที่ต้องคิดคือ เรื่องของสภาพคล่องและเงินทุน ที่จะนำมาใช้จ่าย บางรายอาจใช้จ่ายในรูปของเงินสด เช็ค หรือบางรายก็หันมาใช้บัตรเครดิตธุรกิจ ที่บรรดาธนาคารต่างพยายามดึงดูด โดยมาในรูปของวงเงินลิมิตที่สูง พร้อมกับส่วนลดสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์สำนักงาน หรือรางวัลอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณในฐานะผู้ประกอบการ ชอบแนวทางไหน และวิธีไหนเหมาะที่สุด ซึ่งแน่นอนว่า การตัดสินใจนี้มีผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน วันนี้ MoneyGuru ขอแนะนำสำหรับคนที่เลือกแล้วว่าจะใช้บัตรเครดิตในการทำธุรกิจ เราจะมาดูกันว่า เราต้องถามคำถามอะไรกับตัวเราบ้าง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

คำถามแรก ที่คุณต้องถามคือ "คุณต้องการใช้มันจริงหรือเปล่า?” เพราะหากคุณต้องการใช้บัตรเครดิตใบหนึ่งเพื่อดำเนินธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ บางทีคุณเพียงสละบัตรใบหนึ่ง ในหลายใบที่คุณมีอยู่ในกระเป๋าสตางค์ เพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ ก็สามารถทำได้ โดยที่คุณไม่ต้องสมัครเพิ่ม

คำเตือน ประวัติเครดิตของคุณ ถึงแม้จะเป็นบัตรเครดิตส่วนบุคคล หรือ บัตรเครดิตธุรกิจนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกัน หมายถึง หากคุณสมัครบัตรเครดิจธุรกิจ ธนาคารจะตรวจสอบเครดิตของคุณผ่านบัตรเครดิตส่วนตัว และในทางกลับกัน หากวันหนึ่ง ธุรกิจของคุณไปไม่รอด ล้มเหลว หรือเป็นหนี้ เครดิตของตัวคุณเองก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพราะฉะนั้น คิดให้ดีก่อน


คำถามที่สองคือ "คุณจะใช้บัตรเครดิตธุรกิจเพื่อวัตถุประสงค์อะไรเป็นหลัก" หากคุณต้องการใช้มันจ่ายซื้อสินค้าก้อนใหญ่ ราคาสูง ที่คุณไม่สามารถหาเงินมาจ่ายๆ ได้ทันแน่ๆ คุณจึงควรเลือกบัตรเครดิตธุรกิจที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในท้องตลาด แต่ถ้า หากคุณจะใช้บัตรเครดิต ซื้อของรายเดือนเข้าบริษัท ที่คุณสามารถจ่ายคืนได้ตรงเวลาทุกๆ เดือน คุณก็ควรเลือกบัตรเครดิตที่มีโปรแกรมแลกของรางวัลดีๆ หรือคะแนนสะสมที่นำไปใช้ประโยชน์แก่บริษัทต่อได้ บางทีคุณอาจจะไม่อยากจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี แต่บางบัตรที่เสียค่าธรรมเนียมรายปี มีสิทธิประโยชน์ ที่หากคำนวนดีๆ แล้วคุ้มค่ากว่าในระยะยาว

คำถามที่สาม คือ "สถานะการเงิน และวินัยการเงินของคุณเองเป็นอย่างไร" หากคุณมีวินัยทางการเงิน หรือ ประวัติเครดิตไม่ดีนัก แน่นอนว่า อาจเป็นการยากที่คุณจะสมัครผ่าน หรือถ้าผ่านแล้ว คุณอาจจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ต่ำนัก ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่บิลบัตรเครดิต ที่สถาบันการเงินสามารถตรวจสอบประวัติของคุณได้ แต่เป็นบิลค่าใช้จ่ายประจำเดือนด้วย อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หากสิ่งเหล่านี้ คุณยังไม่สามารถจัดการที่จะจ่ายตรงเวลาได้ แน่นอนว่าเครดิตของคุณมีปัญหาอย่างแน่นอน

คำถามที่สี่ คือ "ข้อดี-ข้อเสีย คุ้มกันหรือไม่" หากมาดูกันที่ข้อดีนั้น นอกจากคุณจะสามารถหาเงินมาใช้จ่ายในธุรกิจใหม่ของคุณได้แล้ว ประโยชน์ประการต่อมาคือ หากธุรกิจของคุณดำเนินไปได้ด้วยดี คุณชำระหนี้บัตรเครดิตตรงตามเวลา เครดิตของคุณก็ะดีตามไปด้วย นอกจากนี้ หากมีบัตรเครดิตแยกสำหรับเรื่องส่วนตัว และเรื่องธุรกิจ ก็จะเป็นการดีในการวางแผนการใช้เงินของคุณ ติดตามสถานะการเงินของคุณเอง และธุรกิจของคุณได้ง่าย เป็นต้น ส่วนข้อเสียนั้น อย่าลืมว่า อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิต สูงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อเพื่อการธุรกิจอื่นๆ เพราะฉะนั้น ศึกษาให้ดีก่อน เพราะหากธุรกิจคุณต้องติดหนี้บัตรเครดิต ตัวหนี้นี่แหละ จะพาธุรกิจคุณล่มลงไปด้วย และไม่ใช้แค่ธุรกิจเท่านั้นที่จะพัง แต่เป็นเครดิตสกอร์ของคุณเอง ที่จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของคุณ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการสมัครบัตรเครดิตธุรกิจ

1. อย่าลืมเข้าเว็ปไซต์ที่ให้บริการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินก่อนที่คุณจะตัดสินใจ เพราะคุณต้องการประโยชน์คืนมามากที่สุดจากการใช้บัตรเครดิตธุรกิจ เพราะฉะนั้น คุณอาจไม่มีเวลาพอที่จะโทรหา

ทุกธนาคาร จึงควรหาตัวช่วย

2. เมื่อคุณเลือกแล้ว ถามทุกคำถามที่คุณต้องการจะรู้ และควรรู้ อย่าหลงไปกับคำเชิญชวนจากพนักงานธนาคารมากเกินไป ควรถามเรื่องเช่น อัตราดอกเบี้ยหากคุณจ่ายเลท ค่าธรรมเนียมรายปีสามารถต่อรอง

ได้หรือไม่ ทำอย่างไรที่อาจจะไม่ต้องเสียเลย มีสิทธิประโยชน์อะไรอีกบ้าง เป็นต้น

3. ถ้าเดือนไหนที่คิดว่า คุณไม่น่าจะจ่ายก้อนที่คุณกำลังจะรูดได้ทัน ใช้บัตรเครดิตส่วนตัวจ่ายแทนดีกว่า เพราะผลกระทบที่ตามมาจะน้อยกว่า

4. ใช้สิทธิประโยชน์ให้คุ้ม กับค่าธรรมเนียมที่คุณเสียไป อาทิ บางบัตรสามารถเข้าเลานจ์สุดหรูในสนามบินได้ บริการประกันกระเป๋าเดินทางสำหรับนักธุรกิจ บริการรถรับส่งสนามบิน เป็นต้น

5. อย่าลืมเช็คโปรโมชั่นผ่อน 0% ทุกครั้งที่จะซื้อของเข้าบริษัทของคุณ เพราะคุณไม่ต้องเสียอะไรเลย แถมยังไม่ต้องเสียเงินคราวละมากๆ อีกด้วย

6. บัตรแต่ละใบมีจุดเด่นต่างกัน เพราะฉะนั้น หากคุณมีบัตรเครดิตธุรกิจมากกว่า 1 ใบ ลองดูข้อแตกต่างให้ดี และการจ่ายเงินแต่ละครั้งดูว่าแต่ละบัตรเหมาะกับการจ่ายเงินแบบไหน อาทิ ค่าใช้จ่ายรายวัน หรือ

รายเดือน ควรใช้บัตรสะสมคะแนน หรือค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ เมื่อคุณซื้อเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน คุณควรใช้บัตรที่อัตราดอกเบี้ยต่ำๆ เป็นต้น

หากมีข้อสงสัยด้านการเงิน การลงทุน MoneyGuru อยู่เคียงข้างคุณเสมอ ที่ info@moneyguru.co.th หรือ www.moneyguru.co.th

create by smethailandclub.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook