จีน-อินเดียดันทองโลกขึ้นช่วงสั้น กูรูชี้แรงส่ง"รัสเซียระอุ"มีลุ้นราคาในไทยดีด2หมื่นบ.

จีน-อินเดียดันทองโลกขึ้นช่วงสั้น กูรูชี้แรงส่ง"รัสเซียระอุ"มีลุ้นราคาในไทยดีด2หมื่นบ.

จีน-อินเดียดันทองโลกขึ้นช่วงสั้น กูรูชี้แรงส่ง"รัสเซียระอุ"มีลุ้นราคาในไทยดีด2หมื่นบ.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

3 ผู้ค้าทองจับสัญญาณราคาทองคำปีแพะ ลุ้นทองโลกกระเตื้องขึ้นจากแรงซื้อจากจีน-อินเดีย และปัญหาการเมือง "รัสเซีย-สหรัฐ-ประเทศพันธมิตร" ระบุหากสถานการณ์รุนแรง ราคากระตุกขึ้น ทองในไทยมีวิ่งเหนือบาทละ 2 หมื่นบาทเตือนอย่าระเริงเล่นไล่ราคา เหตุตลาดยังมีความเสี่ยงขาลงจากปัจจัยลบ "สหรัฐขึ้น ดบ." ครึ่งปีหลัง

นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของกรอบราคาทองคำตลาดโลกในปี 2558 มีแนวรับอยู่ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือเทียบเป็นราคาทองในไทยอยู่ที่ประมาณบาทละ 18,000 บาท และแนวต้านที่ 1,350-1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละประมาณ 20,200 บาท

สำหรับปัจจัยที่จะผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นคือ ความต้องการซื้อทองคำ (Physical Gold) จากประเทศจีนและอินเดียที่คาดว่าฟื้นตัว โดยเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศจะได้รับอานิสงส์ทางบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงอีกทั้งในส่วนของประเทศอินเดียก็เริ่มมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการจำกัดการนำเข้าทองคำด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรเพราะที่ผ่านมาไม่สามารถลดปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้มากนักดังนั้นหากอินเดียดำเนินการจริงอาจจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้น

นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับปัจจัยบวกจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศรัสเซียกับสหรัฐและประเทศพันธมิตรซึ่งหากสถานการณ์นำไปสู่ความรุนแรงก็จะส่งผลให้ความต้องการซื้อทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นจนผลักดันให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น

"ราคาทองคำน่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ในปีนี้แต่ไม่ใช่ว่าจะไปได้ไกลมากนักเพราะยังมีแรงกดดันในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐรอคอยอยู่ดังนั้นเราจึงแนะนำนักลงทุนว่าควรจะใช้วิธีทยอยซื้อทองมากกว่าอย่าไปไล่ซื้อ"นายธนรัชต์กล่าว

นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายทองคำในปี 2558 ยังไม่ใช่ขาขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงที่คอยกดดันคือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับขึ้นก็จะส่งผลให้มีเงินลงทุนโยกออกจากทองคำ ไปถือครองสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น เงินสกุลดอลลาร์ จนทำให้ค่าเงินแข็งค่าในที่สุด

ทั้งนี้ บริษัทประเมินกรอบแนวรับที่ระดับ 1,150-1,050 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือราคาทองในไทยอยู่ที่บาทละ 16,500-17,000 บาทแนวต้านที่ 1,350-1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 21,000-21,500 บาท ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนระยะสั้นควรซื้อขายตามกรอบที่แนะนำ ส่วนนักลงทุนระยะยาวสามารถทยอยซื้อสะสมได้

ส่วนปัจจัยบวกที่ต้องติดตาม ได้แก่ แรงซื้อทองคำแท้จากประเทศจีนและอินเดีย สำหรับใช้ในเทศกาลต่าง ๆ รวมถึงการเข้าซื้อของกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ของโลก เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้ซื้ออย่างมีนัยสำคัญ

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์จำกัด และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า โดยภาพรวมการเคลื่อนของราคาทองคำยังอยู่ในช่วงขาลง แต่มีความผันผวนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงน่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่ซื้อขายระยะสั้น ซึ่งประเมินกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำปี 2558 มีแนวรับประมาณ 1,050 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 16,800 บาท ส่วนแนวต้านประมาณ 1,350 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 21,000-21,500 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook