Daily View - บล.กสิกรไทย

Daily View - บล.กสิกรไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Playing Rolling Coaster   ตลาดยังเคลื่อนไหวเหมือนเล่นรถไฟเหาะ สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วและยังมีโอกาสที่จะปรับลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน จากสถานการณ์ในยุโรปที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่ายุโรปจะมีแผนที่เบ็ดเสร็จในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป ก่อนกลางเดือนพ.ย. ซึ่งนั้นหมายความว่าตลาดมีโอกาสกลับขึ้นมาได้ ขณะที่แม้ว่าตลาดจะมีการแกว่งแรงเราก็ยังมอง downside risk ของตลาดหุ้นที่เพียง 812 จุด ซึ่งเป็นระดับ P/BV ที่ 1.5 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดที่เคยเกิดขึ้น ไม่รวมช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งและ subprime เพราะเรายังเชื่อว่าวิกฤติรอบนี้จะไม่รุนแรงเท่ากับช่วง subprime อย่างไรก็ตามหากภายในกลางเดือนหน้ายุโรปไม่มีแผนจัดการวิกฤติอย่างเด็ดขาด downside risk มีโอกาสที่จะปรับลดลงกว่าระดับปัจจุบัน กลยุทธ์การลงทุน: ตลาดยังคงมีโอกาสแกว่งตัวได้แรงอยู่ในเดือนต.ค. ก่อนที่จะได้ข้อสรุปอย่างเบ็ดเสร็จภายในกลางเดือนพ.ย. โดยในเดือนต.ค. จะมีการประชุมกันหลายรอบ รวมถึงมีเงินกู้ของ EU ที่ถึงกำหนดชำระ ขณะที่ความเสี่ยงที่กรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้ก็ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อว่ายุโรปจะมีแผนที่เบ็ดเสร็จกรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือรอบ 2 และตลาดจะมีโอกาสกลับขึ้นมาได้ในช่วงเดือนพ.ย. ดังนั้นที่ก่อนหน้าที่เราให้สะสมหุ้นในกลุ่ม domestic play ก็ถือต่อได้ ส่วนการเก็งกำไรช่วงนี้จากตลาดที่ดูดีขึ้นให้เน้นไปที่กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงมามากเช่น BANPU PTT STA IVL TOP เป็นต้น   ปัจจัยสำคัญวันก่อนหน้า - อีซีบีประกาศว่าจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับตลาดการเงินในยุโรป ผ่านโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ - อีซีบีจะใช้มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ และเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 4 หมื่นล้านยูโรเป็นเวลา1 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน - จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นเพียง 6,000 ราย สู่ระดับ 401,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้   ปัจจัยสำคัญวันนี้ - Germany: Industrial Production - US: Employment Situation   ปัจจัยสำคัญในช่วงที่เหลือของสัปดาห์และต้นสัปดาห์หน้า - US Holiday: Columbus Day วันที่ 10 ต.ค. - US: FOMC Minutes วันที่ 11 ต.ค. - US: International Trade วันที่ 13 ต.ค. - US: Jobless Claims วันที่ 13 ต.ค. - US: ตลอดสัปดาห์ รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3/54 ของบริษัทจดทะเบียน   สรุปตลาดต่างประเทศ: DJ+183.38/+1.68% S&P+20.94/+1.83% NASDAQ+46.31/+1.88% FTSE+189.09/+3.71% DAX+172.22/+3.15% CAC+101.47/+3.41% ตลาดหุ้นปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลวิกฤตหนี้ยุโรปจะส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร หลัง ECB ประกาศจัดหาสภาพคล่องให้กับธนาคารในยุโรปที่ประสบปัญหาการระดมทุนในตลาดอินเตอร์แบงค์ และเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 4 หมื่นล้านยูโรสรุปตลาด   Commodity: Oil USD82.59/bbl/+2.91 Gold USD1,653.2/Once/+11.6   สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนักลงทุนคลายความกังวลวิกฤตหนี้ที่ยุโรปหลัง ECB ประกาศจัดหาสภาพคล่องให้ธนาคารในยุโรป ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้ายังคงปรับตัวขึ้นจากแรงเก็งกำไร   ECONOMICS & POLITICS - ธปท.แจงใช้กรอบเงินเฟ้อทั่วไปปี 2555 จะช่วยสะท้อนค่าครองชีพของประชาชนได้ดีขึ้น ขณะที่บอร์ดแบงก์ชาติค้านหัวชนฝา รัฐดึงทุนสำรองฯ ตั้งกองทุนมั่งคั่ง ชี้ความเสี่ยงสูง ห่วงด้านหลักธรรมาภิบาล - ธปท.ผ่อนกฎให้แบงก์ลดค่าผ่อนหนี้บัตรเครดิตได้ต่ำกว่า 10% จนถึงกลางปีหน้า และขอแบงก์ผ่อนปรนเงื่อนไขชำระหนี้-ปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้ประกอบการ บรรเทาพิษน้ำท่วม - หอการค้าไทย ปรับลดอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 54 เหลือโต 3.6% หลังไทยได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม และปัญหาหนี้ในยุโรปยังไม่คลี่คลาย หากรวมความเสียหายจากน้ำท่วม ภาคเกษตร และอุตสาหกรรม คาดความเสียหายจะอยู่ที่ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ส่งผลกระทบต่อจีดีพี 1.0-1.3% หากกระหน่ำเข้า กทม. ความเสียหายอาจเพิ่มขึ้นไปอีก 2 หมื่นล้าน ขณะที่เศรษฐกิจปี 55 ยังน่าเป็นห่วง ประเด็นการเมือง - “ชูวิทย์” เปิดโปงกระบวนการลักลอบขนข้าวกัมพูชาข้ามแดน สวมสิทธิรอ “จำนำ” และนำแก๊สไทยที่รัฐบาลอุดหนุนไปขายกัมพูชา -\"เครือข่ายแรงงาน\" ออกแถลงการณ์ยืนยันค่าจ้างต้อง 300 บาททันทีเท่ากันทั่วประเทศ 1 ม.ค.55 รวมตัวเคลื่อนไหวพร้อมยื่นหนังสือและรายชื่อหมื่นชื่อกับนายกฯ วันนี้   INDUSTRY NEWS - กลุ่มรับเหมาฯ: การนิคมฯ สั่งทุกนิคมฯในพื้นที่อยุธยาเตรียมพร้อมรับน้ำท่วม วาง 3 ระดับเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมงทุกนิคมฯ ย้ำวิกฤติหนักให้อพยพทันที ปิด 43 โรงงาน นิคมฯสหรัตนนคร เผยนักลงทุนญี่ปุ่นกระทบหนักถึง30 แห่ง ปลัดอุตสาหกรรมเผยความเสียหายเบื้องต้น 2.8 หมื่นล้าน - กลุ่มพลังงาน: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ไทยมีแผนเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 30 วัน จาก 18 วันขณะนี้ เพื่อเสริมความมั่นคงการใช้พลังงานของประเทศ ขณะที่เตรียมเจรจาขอสัมปทานปิโตรเลียมในพม่า เพิ่มอีก 4-5 แปลง ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายหาแหล่งผลิตปิโตรเลียมใหม่ๆ เพื่อรองรับกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นความมั่นคงในการจัดหาพลังงานในอนาคต โดยพร้อมที่จะสนับสนุนกลุ่ม บมจ. ปตท.เข้าไปลงทุน   EXTERNAL FACTOR - ดัชนี DJ ปิดบวก 183.38 จุด หรือ 1.68% ปิดที่ 11,123.33 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 20.94 จุด หรือ1.83% ปิดที่ 1,164.97 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 46.31 จุด หรือ 1.88% ปิดที่ 2,506.82 จุด ตลาดหุ้นปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนผ่อนคลายจากความกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ในภาคธนาคาร นับตั้งแต่มีรายงานว่าผู้นำยุโรป รวมถึงนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่สนับสนุนมาตรการเพิ่มทุนให้กับธนาครที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ประกอบกับตลาดได้แรงหนุนเพิ่มขึ้นเมื่ออีซีบีประกาศว่าจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับตลาดการเงินในยุโรป ผ่านโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ ซึ่งมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาการระดมทุนในตลาดอินเตอร์แบงก์อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ พร้อมกับยืนยันว่า อีซีบีจะใช้มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ และเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 4 หมื่นล้านยูโรเป็นเวลา 1 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน นอกจากนี้ตลาดยังได้รับข่าวบวกต่อเนื่องหลังจากการรายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้นของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐ และรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นเพียง 6,000 ราย สูระดับ 401,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ปิดตลาด หุ้นแอปเปิล อิงค์ ร่วงลง 0.2% หลังจากนายสตีฟ จ๊อบส์ อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของแอปเปิลได้เสียชีวิตลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า กิจการของแอปเปิลจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งต่อไปได้ภายใต้การบริหารของนายทิม คุก ซีอีโอคนใหม่ - ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น USD2.91bbl หรือ 3.65% ปิดที่ USD82.59/bbl หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศจัดหาสภาพคล่องให้กับธนาคารในยุโรปที่ประสบปัญหาการระดมทุนในตลาดอินเตอร์แบงก์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขคนว่างงานของสหรัฐขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย - สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น USD11.6 หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ USD1,653.2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรสัญญาทองคำ หลังจาก BOE ประกาศเพิ่มขนาด QE และ ECB ประกาศซื้อสินทรัพย์ 4 หมื่นล้านยูโร พร้อมกับจัดหาสภาพคล่องให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน - ดัชนีค่าระวางเรือ ปิดที่ 1,967 เพิ่มขึ้น 59 จุด หรือ 3.09% - กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่2 โดยเดือนส.ค.ลดลง 1.4% ขณะที่เดือนก.ค. ลดลง 2.6% เนื่องจากความต้องการภายในประเทศที่หดตัวลง - ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% หลังจากเงินเฟ้อได้พุ่งสูงขึ้นในเดือนก.ย.ส่งผลให้อีซีบีต้องคิดหนักก่อนที่จะดำเนินมาตรการใดๆ เช่น ลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคที่กำลังชะลอตัวท่ามกลางวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยังคงยืดเยื้อ โดยเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปเผชิญความลำบากยิ่งขึ้นในการแก้ไขวิกฤตหนี้ในภูมิภาค - ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันนี้ พร้อมประกาศขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์ หลังจากที่ธนาคารได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 2 แสนล้านปอนด์ เนื่องด้วยการฟื้นตัวที่เปราะบางของเศรษฐกิจอังกฤษ จึงทำให้มีเสียงเรียกร้องเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้ให้มีการใช้มาตรการดังกล่าวอีกครั้ง   TODAY’S REPORTS - CK: เราคำแนะนำขึ้นเป็น Buy เนื่องจากราคาถูกและ Outlook ระยะสั้นที่แข็งแกร่งเราคาดว่าผลกำไรของ CK ใน 3Q54 จะแข็งแกร่งเหมือน 2Q54 จากกำไรจากการขายหุ้น SEAN นอกจากนี้ เรายังคาดว่าธุรกิจก่อสร้างจะมีส่วนแบ่งกำไรสูงขึ้นจากความคืบหน้าของโครงการขนาดใหญ่ ขณะที่ยอด backlog จำนวนมากในปัจจุบันบวกกับแผนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ บ่งบอกว่าธุรกิจก่อสร้างจะเติบโตแข็งแกร่งในสองสามปีข้างหน้า นอกจากนี้ พัฒนาการของธุรกิจการลงทุนจะช่วยผลักดัน BV และผลกำไร เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 54 ของ CK ขึ้น 124% มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากการขาย SEAN ให้ CKP ซึ่งส่งผลให้ปี 55-56 CK จะไม่มีรายได้จาก SEAN เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 55-56 ลง 24% และ 63% ตามลำดับด้วย สำหรับปัจจัยหนุนในระยะสั้นสำหรับ CK คือ การเซ็นสัญญาโครงการสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท) และการประกาศผลกำไร 3Q54 ที่แข็งแกร่งในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าของโครงการไซยะบุรีในเดือนพ.ย.-ธ.ค. เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก Outperform เป็น Buy แม้จะปรับลดราคาเป้าหมายอิง adjusted BV ในปี 2555 จาก 8.85 บาทเป็น 8.40 บาท เนื่องจากการปรับฐานของราคาหุ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาเป้าหมายมี upside สูงถึง 40% - Commerce sector: คงคำแนะนำ Overweight โดยให้ MAKRO และ BIGC เป็น Top pick หุ้นในกลุ่มพาณิชย์ปรับตัวลดลงมาในช่วง 8-26% โดยราคาหุ้น ROBINS ปรับตัวลงเยอะสุดที่ 26% ขณะที่ HMPRO ลดลงน้อยสุดที่ 8% ขณะที่ผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกเราเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มพาณิชย์ไม่มากเนื่องจากยอดขายหลักขึ้นอยู่กับการบริโภคภายในประเทศ เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาแรงแต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการทยอยสะสมเพื่อลงทุนในหุ้นกลุ่มพาณิชย์ เรายังคงคำแนะนำ Overweight โดยให้ MAKRO และ BIGC เป็น Top pick ของกกลุ่ม สำหรับคาดการณ์กำไรงวด3Q54 ของกลุ่มพาณิชย์ เราคาดว่า BIGC จะมีกำไรเติบโต 30%YoY สูงสุดในกลุ่ม ขณะที่ HMPRO (+29%YoY), ROBINS (+20%YoY), MAKRO (+17%YoY) และ HMPRO (+15%YoY) นอกจากนี้เราได้ปรับคำแนะนำของ HMPRO (ราคาพื้นฐาน 11.2 บาท) และ ROBINS (ราคาพื้นฐาน 40 บาท) ขึ้นเป็น Buy และคงคำแนะนำ Buy สำหรับ BIGC (ราคาพื้นฐาน 150 บาท), CPALL (ราคาพื้นฐาน 56 บาท) และ MAKRO (ราคาพื้นฐาน 285 บาท) - Bank sector: คงคำแนะนำ Neutral โดยให้ KTB และ BBL เป็น Top pick เรายังคงคำแนะนำ Neutral กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเราคาดว่ากำไรงวด 3Q54 ของกลุ่มธนาคารจะเติบโตเพียง1.6%QoQ เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงของ BBL และกำไรที่ลดลงของ TCAP จากต้นทุนการควบรวมSCIB และ TBANK แต่กำไรงวด 3Q54 ของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 22% เมื่อเทียบเป็น YoY เมื่อพิจารณาหุ้นราย ตัวเราคาดว่า TMB (+10.8%QoQ, +75.9%YoY) และ SCB (+7.8%QoQ, +40.9%YoY) จะมีผลประกอบการจากการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เรายังคงคำแนะนำ Neutral สำหรับกลุ่มธนาคาร โดยเราชอบ KTB (ราคาพื้นฐาน 27.5 บาท) มากที่สุด ตามมาด้วย BBL (ราคาพื้นฐาน 224 บาท) ขณะที่ BAY (แนะนำ Buy ราคาพื้นฐาน 37 บาท), KK (แนะนำ Buy ราคาพื้นฐาน 47 บาท), SCB (แนะนำ Buy ราคาพื้นฐาน 161 บาท), TCAP (แนะนำ Buy ราคาพื้นฐาน 43 บาท), TISCO (แนะนำ Buy ราคาพื้นฐาน 57 บาท) และ TMB (แนะนำ Buy ราคา พื้นฐาน 2.55 บาท)   ALTERNATIVE INVESTMENT STRATEGY สุชีล นารูลา (susheel.n@kasikornsecurities.com; Tel +662 696-0021)   Gold Futures: แนะนำให้รอดูจังหวะไปก่อนจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองโลก (RTXGL) กำลังตั้งหลักกลับขึ้นมา โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้าน ที่ $1,676-1,678, $1,697-1,700 และ/หรือ $1,744-1,755 แนวรับของการแกว่งอยู่ที่ $1,643-1,632, $1,597-1,595 และ $1,586-1,583 ขณะที่แนวโน้มระยะกลางถึงยาวยังไม่หลุดแนวโน้มขาขึ้น สำหรับ Gold Futures (GFV11) ทาง Technical รีบาวด์ขึ้นมาแรง และทะลุแนวต้านที่ 24,860 ขึ้นมาแล้ว โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 25,420 และ/หรือ 25,620-25,630 ซึ่งถ้าทะลุได้ก็อาจกลับขึ้นมายืนได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวแนวรับของการแกว่งอยู่ที่ 24,400, 23,850-23,780 และ/หรือ 23,550-23,370 เราแนะนำให้รอดูจังหวะไปก่อนSET50 Futures: เราแนะนำ 2 กลยุทธ์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ S50Z11 แม้จะรีบาวด์ขึ้นมาแรง แต่สถานการณ์ยังมีความเสี่ยงในระยะกลางถึงยาว โดยมีแนวต้านที่ 635-636 ซึ่งถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 641-642 และ/หรือ 655-656 แต่ถ้าหลุด 628-627 ลงมา มีโอกาสแกว่งกลับลงไปที่ 620-618 และ/หรือ 615-613 กลยุทธ์ช่วงนี้ยังคงแนะนำให้ทำในวงจำกัด   กลยุทธ์การลงทุน : 1) กรณี Long แนะนำให้รอดูจังหวะไปก่อน 2) กรณี Short แนะนำให้เปิด Short หลัง Stop ไปแล้ว เมื่อ S50U11 ถอยลงมาจากแนวต้านที่ 635-636 และ/หรือ 641-642 (S50U11 มีแนวต้าน 635-636, 641-642 และ 655-656 แนวรับ 628-627, 620-618 และ 615-613)   MARKET EVENT   Thai Event - 19/10/11 กนง. ประชุมนโยบายดอกเบี้ย - สัปดาห์ที่ 3 เดือนต.ค. กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออก - 31/10/11 ธปท. รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย. - 01/11/11 กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค.   World Event - 07/10/11 Germany: Industrial Production* - 07/10/11 US: Employment Situation* - 10/10/11 US Holiday: Columbus Day - 11/10/11 US: FOMC Minutes* - 13/10/11 US: International Trade* - 13/10/11 US: Jobless Claims* - 14/10/11 US: Retail Sales* - 14/10/11 US: Import and Export Prices - 14/10/11 US: Consumer Sentiment - 14/10/11 US: Business Inventories * Markets will pay more attention to these figures   กวี ชูกิจเกษม Kavee.c@kasikornsecurities.com, +662 696-0030 วิชญะ วงศ์ภาณุวิชญ์ Wichaya.w@kasikornsecurities.com, +662 696-0038   โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 7 ต.ค. 2554

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook