Daily View - บล.กสิกรไทย

Daily View - บล.กสิกรไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Europe Saving Plan is coming   ในสัปดาห์นี้ต่อจนถึงต้นสัปดาห์หน้า ตลาดจะเก็งกำไรเรื่องแผนแก้หนี้ยุโรป โดยที่ประชุมรัฐมนตรีคลังจี 20 กำหนดต้องเสร็จภายในวันที่ 23 ต.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศ อาจมีการเก็งกำไรผลประกอบการกลุ่มธนาคาร (คาด TMB KK และ BAY จะรายงานกำไรโดดเด่น) แต่เรายังมีความกังวลว่าหลังยุโรปประกาศแผนแก้หนี้ยุโรป อาจมีการขายทำกำไรเมื่อข่าวดีออกมา หรือตลาดอาจแสดงความไม่มั่นใจต่อแผนแก้หนี้ยุโรป โดยความเสี่ยงคือหากยุโรปไม่มีแผนจัดการวิกฤติอย่างเด็ดขาด downside risk มีโอกาสที่จะปรับลดลงได้ถึง 812 จุด (730 จุดหากโลกเข้าสู่ double dip)นอกจากนี้ตลาดอาจจะเริ่มกลับมารับรู้ข่าวลบจากปัญหาน้ำ ท่วมที่กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน กลยุทธ์การลงทุน: สำหรับนักลงทุนที่สะสมหุ้นตามคำแนะนำก่อนหน้านี้และมีกำไร อาศัยจังหวะที่มีการเก็งกำไรเรื่องยุโรป เริ่มทยอยลดพอร์ตออกไปก่อน เนื่องจากความเสี่ยงจากยุโรปที่ยังคงมีอยู่และยากแก่การคาดการณ์ แม้เรายังเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้ก็ตาม แต่สำหรับท่านที่มีต้นทุนสูงและยังไม่ได้กำไร แนะนำให้ถือต่อไปได้ โดยอาจทำ Hedging ด้วยการเปิด Short Futures บางส่วน เพื่อลดความเสี่ยง ประกอบด้วยส่วนการเก็งกำไรช่วงนี้จากตลาดที่ดูดีขึ้นให้เน้นไปที่กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงมามากเช่น BANPU SCC STA KSL KBS เป็นต้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลงประกอบกับเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่การเก็งกำไรประเด็นน้ำท่วมเราแนะนำให้ลงทุนในกลุ่มที่ได้ประโยชน์หรือได้รับผลกระทบน้อย เช่น BIGC CPALL MAKRO HMPRO KH KBS KSL และ BANPU เป็นต้น   ปัจจัยสำคัญวันก่อนหน้า - บริษัทกูเกิลรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ดีเกินคาด - ยอดค้าปลีกสหรัฐขยายตัว 1.1% ในเดือนก.ย.เหนือกว่าระดับ 0.3% ในเดือนส.ค. และสูงกว่าคาดที่ 0.7% - รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เยอรมนีและแคนาดา ไม่เห็นด้วยกับแผนการเพิ่มเงินให้กับไอเอ็มเอฟโดยเห็นว่าขณะนี้ไอเอ็มเอฟมีเงินในกองทุนที่ยังสามารถนำมาใช้ได้อยู่จำนวนมาก - ขุนคลังจี 20 กดดันยูโรโซนเร่งจัดการปัญหาหนี้ภายใน 8 วัน ก่อนให้คำมั่นต่อประชาคมโลก พร้อมงัดทุกมาตรการพยุงเสถียรภาพการเงิน การธนาคาร เพื่อสร้างความเชื่อมั่น   ปัจจัยสำคัญวันนี้ - US: Empire State Mfg Survey, Industrial Production วันที่ 17 ต.ค. - ปัญหาหนี้ยุโรป - ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย   ปัจจัยสำคัญในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ - China: GDP, Industrial Production, Retail Sales วันที่ 18 ต.ค. - EU: Zew-Survey (Econ. Sentiment) วันที่ 18 ต.ค. - US: Producer Price Index, Housing Market Index วันที่ 18 ต.ค. - US: Consumer Price Index, US: Housing Starts วันที่ 19 ต.ค. - ผลประกอบการไตรมาสที่ 3/54 กลุ่มธนาคารไทย: เราคาดว่า TMB (+30.3% YoY และ 15.6% QoQ) จะเป็นธนาคารที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิโดดเด่นที่สุดในกลุ่มตามด้วย KK และ และ BAY - ติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯซึ่งมีบริษัทใหญ่ประกาศมากมาย เช่น Wells Fargo และ IBM (วันจันทร์), Bank of America, Coca Cola, Goldman Sachs,Intel (อังคาร), Morgan Stanley, American Express (พุธ) SanDisk, Southwest Airlines (พฤหัส) ฯลฯ   สรุปตลาดต่างประเทศ: DJ+166.36/+1.45%          S&P+20.92/+1.74%           NASDAQ+47.61/+1.82% FTSE+62.98/+1.17%         DAX+52.36/+0.89%           CAC+30.95/+0.97% ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น เนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐและผลประกอบการของ Google ที่แข็งแกร่งเกินคาดประกอบกับนักลงทุนคาดการณ์ว่าที่ประชุม G20 จะหาแนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป   สรุปตลาด Commodity: Oil USD86.80/bbl/+2.57           Gold USD1,683.0/Once/+14.5 สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรง หลังยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด ประกอบกับการคาดการณ์ว่าที่ประชุม G20 อาจเสนอแผนใหม่ในการรับมือวิกฤตหนี้ยุโรป ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง และเป็นผลให้สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นมาด้วย   ECONOMICS & POLITICS - นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะเน้นเรื่องแนวทางการจัดการกับมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (เอ็นทีบี) เพื่อทำให้การค้าระหว่างกันมีความคล่องตัวมากขึ้น - สศค.เตรียมชง \"ธีระชัย\" ปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดา หลังครม.ผ่านมนโยบายลดภาษีนิติบุคคล ระบุช่วยลดความเหลื่อมล้ำและภาระภาษีจากคนรายได้ปานกลางลงมาถึงน้อย และหันไปเพิ่มการจัดเก็บจากผู้มีรายได้สูงแทน - คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)เปิดเผยเตรียมปรับเงินเดือนให้ข้าราชการปริญญาตรีที่มีเงินเดือนเกิน 1.5 หมื่นบาท รวมทั้งข้าราชการที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท-เอก วุฒิ ปวช.และ ปวส.ด้วยในอัตราสูงสุด 20% คาดว่าจะใช้งบเพิ่มเติมอีก 8,000 ล้านบาท ประเด็นน้ำท่วม - รัฐบาลประกาศแผนบริหารประเทศจ่อตั้งขาดดุลเพิ่ม 5 แสนล้าน ขณะที่คลังยันวิกฤติน้ำท่วมไม่กระทบฐานะการคลัง รัฐบาลมีเงินสดสำหรับการแก้ไขปัญหา-กระตุ้นเศรษฐกิจชาติ จากระดับเงินคงคลังที่แข็งแกร่ง 4-5 แสนล้าน ระบุเล็งให้แบงก์รัฐอัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบได้อีก 1 แสนล้าน - สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และตัวแทนสมาคมบริษัทจดทะเบียน ร่วมจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมมูลค่า 500 ล้านบาท เบื้องต้น ตลท. จะเป็นแกนหลักใส่เงิน 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือสมาคมอื่นๆ จะหาแนวทางในการระดมเงิน - ธปท. เตรียมปรับประมาณจีดีพีลง 1% จากที่ประมาณการไว้ที่ 4.1% เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบทั้งภาคเกษตรที่คาดว่าจะสูญเสียกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 16,000-20,000 ล้านบาท นิคมอุตสาหกรรมโรจนะเฟส 1-3 น่าจะเสียหายหลายหมื่นล้านบาท และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร 25,000-30,000 ล้านบาทรวมมูลค่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเสียหายประมาณ 100,000 ล้านบาท - \"วรรณรัตน์\" เสนอ 2 แนวทางเยียวยาและฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมที่ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว 6 ปี และดูแลภาคแรงงาน ด้านสภาหอการค้าร้องขอสินเชื่อปลอดหลักประกันแนะรัฐบาลหยุดประชานิยม เก็บงบประมาณฟื้นฟูชาติและลงทุนระบบป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว   ประเด็นการเมือง - 'ยงยุทธ' ลั่นแก้ พ.ร.บ.กลาโหม เป็นแค่ความเห็น ส.ส.ไม่ใช่มติพรรค ย้ำไม่อยากให้ขัดแย้งกับทหาร - ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องคดี'ปตท.-คลัง' กระจายหุ้นมิชอบ   INDUSTRY NEWS - กลุ่มยานยนต์: นิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่าบริษัทมีชิ้นส่วนการผลิตรถยนต์เพียงพอในการผลิตได้อีก 2-3 วัน โดยจะเริ่มลดกะทำงาน (โอที) ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไป และในวันที่ 17 ตุลาคม บริษัทจะสรุปสถานการณ์ หากไม่สามารถหาแหล่งนำเข้าชิ้นส่วนการผลิตรถยนต์ทดแทนได้อาจต้องหยุดการผลิตรถยนต์ของนิสสัน ในทุกผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกอาจหายไป 5 พันล้านบาทต่อเดือน - กลุ่มนิคมฯ: กนอ.ยอมรับนิคมฯบางปะอินน้ำทะลักเข้าท่วมทั้งหมด สูงกว่า 1 เมตร คาดมูลค่าความเสียหายหนัก เหตุมีโรงงานไฮเทคระดับโลก สั่งป้อง\"นวนคร\"เต็มที่เร่งขุดคลอง 3 จุดระบายน้ำด่วน - กลุ่มธุรกิจดาวเทียม: กระทรวง ICT จะครม. วันที่ 18 ตุลาคมพิจารณาอนุมัติการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม 120.5 องศาตะวันออก เพื่อให้บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้รับสัมปทานดาวเทียม เจรจากับบริษัท เอเชียแซทจำกัด ดำเนินการลากดาวเทียมมาในตำแหน่งวงโคจรดังกล่าว   EXTERNAL FACTOR - ดัชนี DJ ปิดบวก 166.36 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 11,644.49 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 20.92 จุด หรือ1.74% ปิดที่ 1,224.58 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 47.61 จุด หรือ 1.82% ปิดที่ 2,667.85 จุด โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนี S&P 500 ทะยานกว่า 6% ขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2552 ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นกว่า 7% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกูเกิลที่พุ่ง 5.8% หลังบริษัทเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีเกินคาด โดย กูเกิลมีรายได้ 9.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 33%YoY ส่วนผลกำไรอยู่ที่ 2.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 2.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 9.72 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าการคาดการณ์โดยเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 8.74 ดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากยอดขายโฆษณาที่แข็งแกร่ง และการควบคุมต้นทุนอย่างดี ขณะที่หุ้นแอปเปิลก็ทะยาน 3.3% หลังจากที่ iPhone 4S เริ่มวางตลาด ขณะเดียวกันยอดค้าปลีกสหรัฐขยายตัว 1.1% ในเดือนกันยายน เหนือกว่าระดับ 0.3% ในเดือนสิงหาคม และสูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 0.7% ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเป็นตัวบ่งชี้การใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นกลไกช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตัวเลขค้าปลีกที่ดีจึงเป็นหลักฐานล่าสุดที่ชี้ว่า สหรัฐไม่น่าจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำอย่างที่เกรงกลัวกัน - ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น USD2.57bbl หรือ 3.05% ปิดที่ USD86.80/bbl เนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาด ประกอบกับการคาดการณ์ว่ากลุ่มจี20 อาจเสนอแผนใหม่ในการรับมือวิกฤตหนี้ยุโรป - สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น USD14.5 หรือ 0.87% ปิดที่ระดับ USD1,683.0 เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง - ดัชนีค่าระวางเรือ ปิดที่ 2,173 เพิ่มขึ้น 18 จุด หรือ 0.83% - Eurostat รายงานอัตราเงินเฟ้อประเทศในกลุ่มยูโรโซนเดือน กันยายน ขยายตัว 0.8%MoM สูงกว่าเดือนสิงหาคมที่ 0.2%MoM ซึ่งเป็นการเร่งตัวขึ้นเร็วสุดในรอบ 3 ปี และเมื่อเปรียบเทียบเป็นรายปีพบว่าขยายตัว 3%YoY สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 2.5%YoY - กระทรวงพาณิชย์อินเดียเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของอินเดียขยายตัว 9.72% ในเดือนก.ย. จากระดับ9.78% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่อาจจะกดดันให้กับธนาคารกลางต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อยังขยายตัวสูงกว่า 9% มาเป็นเวลา 10 เดือนติดต่อกัน - บริษัท อคาเดเมตริกซ์ และ แอลเอสแอล พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิสระบุว่า ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในอังกฤษและเวลส์ เดือนก.ย. ตกลง 0.3% จากเดือนส.ค. มาอยู่ที่ 218,650 ปอนด์ (343,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยราคาลดลง 2.3% จากปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายในตลาดเงินซึ่งสืบเนื่องมาจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปจนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค - ชุมนุมประท้วงต้าน \"วอลล์สตรีท\" ลาม 951 เมือง ใน 82 ประเทศ ตั้งแต่ยุโรป อเมริกาเหนือ ละตินอเมริกาเอเชีย และแอฟริกา กรุงโรมหนักสุด คนเรือนแสนลุกฮือบุกเผาทำลายทรัพย์สิน ปะทะเจ้าหน้าที่เจ็บอย่างน้อย 70 ราย ส่วนในนิวยอร์ก ตำรวจจับผู้ประท้วงได้ 74 ราย ขณะที่แนวร่วมอุดมการณ์เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด \"ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์\" โดดร่วมม็อบในกรุงลอนดอน   TODAY’S REPORTS - BIGC: ปิดศูนย์กระจายสินค้า 3 แห่ง ในอยุธยาBIGC รายงานว่าเมื่อคืนวันพฤหัสได้สั่งปิดศูนย์กระจายสินค้า (DC) 3 แห่ง ที่จังหวัดอยุธยา (วังน้อย บางปะอินและที-พาร์ค) ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้าอีกแห่งหนึ่งที่นนทบุรียังคงเปิดดำเนินงานตามปกติ และขณะนี้ BIGCกำลังเตรียมจัดตั้ง DC สำรองอีก 4 แห่ง เพื่อทำหน้าที่เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า (cross-docking) และสถานีกระจายสินค้า นอกจากนี้ บริษัทยังขอให้ upplier จัดส่งสินค้าโดยตรงไปยังสาขาของบริษัทหากสามารถทำได้เรามองว่าข่าวนี้จะส่งผลลบต่อ BIGC ในระยะสั้นเนื่องจากกังวลว่า DC ชั่วคราวอาจไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับ DC หลัก อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลกระทบจะมีจำกัดเนื่องจากบริษัทได้ทำประกันความเสียหายครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วมและการหยุดชะงักทางธุรกิจไว้แล้ว ประกอบกับผู้บริหารของ BIGC เปิดเผยว่าแต่ละสาขาจะมีการตุนสินค้าประเภทอาหารแห้งไว้เพียงพอสำหรับ 20 วัน แม้ว่า DC จะหยุดดำเนินงาน เราจึงมองว่าหากราคาหุ้นBIGC ปรับตัวลงในระยะสั้นเป็นโอกาสดีให้นักลงทุนซื้อหุ้น เรายังคงคำแนะนำ Buy ราคาพื้นฐาน 150 บาท - PTT และ Refinery: ศาลปกครองกลางรับฟ้องกรณีแปรรูป PTT เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับฟ้องกรณีกระจายหุ้น PTT ให้เอกชนโดยมิชอบ โดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ยื่นฟ้อง PTT และกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ 1) เพิกถอนใบหุ้นและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2) ให้ PTT คืนโรงกลั่นให้แก่รัฐทั้ง 4 โรงและสามารถถือหุ้นได้เกิน 25% เพียง 1 โรงกลั่นเท่านั้น และลดการถือหุ้นในโรงกลั่นอื่นให้ไม่เกิน 5% ด้วยเหตุผลของการผูกขาดทางธุรกิจ 3) ให้ PTT คืนสินทรัพย์ทั้งหมดก่อนการแปรรูป ซึ่งรวมถึง โรงกลั่น โรงแยกแก๊สและท่อส่งแก๊ส โดย PTT สามารถถือครองได้เพียง 1 โรงแยกแก๊สและขายโรงแยกแก๊สอีก 3 โรง ให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นด้วยราคายุติธรรม จากข่าวดังกล่าวเรามองว่าจะส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้น PTT และกลุ่มโรงกลั่นที่ PTT ถือหุ้น อยู่ อาทิ TOP BCP และ IRPC ในเชิงจิตวิทยาเท่านั้น แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานเรายังคงคำแนะนำ Buy สำหรับ PTT ราคาพื้นฐาน 439 บาท และคงคำแนะนำ Neutral สำหรับกลุ่ม Refinery - HMPRO: ปิดศูนย์กระจายสินค้าในอยุธยา HMPRO รายงานว่าได้ปิดทำการศูนย์กระจายสินค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดอยุธยา เนื่องจากประสบปัญหาภาวะน้ำท่วมที่ถนนพหลโยธินหน้าศูนย์กระจายสินค้า โดยเรามองว่าข่าวดังกล่าวจะส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้นของHMPRO ในเชิงจิตวิทยาในระยะสั้น อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลกระทบจากการปิดศูนย์ฯดังกล่าวจะส่งผลต่อHMPRO ในวงจำกัดเพราะ HMPRO ได้ทำประกันครอบคลุมความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมไว้แล้ว ประกอบกับสาขาของ HMPRO ทั้งหมด ยังคงสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ เรายังคงคำแนะนำ Buy ราคาพื้นฐาน 11.20 บาท - Industrial Estate sector: ความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมยังคงขยายวงกว้างสถานการณ์ภาวะน้ำท่วมได้ขยายพื้นที่ความเสียหาย โดยล่าสุดนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินถูกน้ำท่วมสุง 1.8 เมตร ส่งผลให้โรงงาน 90 โรง มูลค่าการลงทุนรวม 60 พันล้านบาท บนพื้นที่ 1,962 ไร่ ได้รับความเสียหายทั้งหมดโดยโรงงานของ TICON ได้รับความเสียหาย 1 โรง คิดเป็น 1% ของพอร์ตการลงทุน ส่วน TFUND ได้รับความ เสียหายทั้งหมด 14 โรงงาน คิดเป็น 7% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด ซึ่งเราคาดว่าจากความเสียหายดังกล่าวจะส่งผลกดดันต่อราคาหุ้นของ TICON และ TFUND ขณะเดียวกันในพื้นที่นิคมฯบางปะอินยังมีโรงงานของ TTW ที่ได้รับความเสียหายด้วย เช่นเดียวกับ CK ที่ลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่นิคมฯ (ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว25%) แต่เราเชื่อว่าทั้ง TTW และ CK จะได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากปริมาณขายน้ำประปาของ TTW ใน พื้นที่ดังกล่าวคิดเป็นเพียง 2.5% ของปริมาณขายทั้งหมดของ TTW และ TTW ได้ทำประกันความเสียหายไว้แล้วขณะที่ CK จะได้รับความเสี่ยงเรื่องรายได้ที่จะรับรู้ช้าออกไปเท่านั้น เราให้คำแนะนำ Neutral สำหรับกลุ่ม IE   ALTERNATIVE INVESTMENT STRATEGY สุชีล นารูลา (susheel.n@kasikornsecurities.com; Tel +662 696-0021)   Gold Futures: แนะนำให้เปิด Long กรณีที่ GV11 ทะลุ 24,870 ขึ้นไปได้ จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองโลก RTXGL) กำลังแกว่งแต่ยังมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $1,683 และ $1,692 ซึ่งถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ $1,700-1,710 และ $1,725 หรือสูงกว่านั้นขณะที่แนวรับอยู่ที่ $1,655 และ $1,647 โดยสถานการณ์ระยะสั้นจะกลับมาเสี่ยงขึ้น ถ้าปิดต่ำกว่า $1,607 สำหรับ Gold Futures (GFV11) ทาง Technical กำลังแกว่งอยู่ในกรอบแนวต้านที่ 24,870 ซึ่งถ้าสามารถทะลุผ่าน ขึ้นไปได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านต่อไปที่ 25,000, 25,350 และ 25,650 หรือสูงกว่านั้น แต่ถ้าหลุด 24,500ลงมา อาจแกว่งกลับลงไปที่ 24,350 หรือ 24,000-23,780 เราแนะนำให้รอดูจังหวะต่อไปก่อน โดยสามารถเปิดLong ได้ กรณีที่ GV11 สามารถทะลุผ่าน 24,870 ขึ้นไปได้ SET50 Futures: เราแนะนำ 2 กลยุทธ์ จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ S50Z11 รีบาวด์กลับขึ้นมาจากแนวรับบริเวณ 643-642 ซึ่งเป็นการรีบาวด์ในกรอบ Channel เดิมอยู่ ขณะที่ระยะกลางถึงยาวยังคงมีความเสี่ยงอยู่ โดยการรีบาวด์รอบนี้มีแนวต้านที่ 674, 682 และ/หรือ 697-699 แนวรับของการแกว่งอยู่ที่ 656 และ/หรือ 644-642 กลยุทธ์ช่วงนี้ยังคงแนะนำให้ทำในวงจำกัดกลยุทธ์การลงทุน : 1) กรณี Long แนะนำให้เปิด Long หลังจาก S50Z11 รีบาวด์ขึ้นมาจากแนวรับบริเวณ 643-642 เพื่อรอจังหวะขึ้นไปแบ่งทำกำไรที่ 674, 682 และ/หรือ 697-699 โดยใช้ 642 เป็น Stop loss 2) กรณี Short แนะนำให้กลับมาเปิด Short หลังจาก S50Z11 ถอยลงมาจากแนวต้านที่ 674 และ/หรือ 697-699 หรือกรณีที่ S50Z11 หลุดแนวรับที่ 643-642 ลงมา (S50Z11 มีแนวต้าน 674, 682 และ 697-699 แนวรับ 656, 644-642, 639-637 และ 627-625)   MARKET EVENT   Thai Event - 17/10/11 ตลาดอนุพันธ์ เปิดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า (Oil Futures) - 17-21/10/11 ธนาคารประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/54 - 19/10/11 กนง. ประชุมนโยบายดอกเบี้ย - สัปดาห์ที่ 3 เดือนต.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม, ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ - สัปดาห์ที่ 3 เดือนต.ค. กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกของไทย - 28/10/11 ธปท. รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ - สัปดาห์ที่ 4 เดือนต.ค. สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรมประจำเดือน - สัปดาห์ที่ 4 เดือนต.ค. สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรมประจำเดือน - สัปดาห์ที่ 4 เดือนต.ค. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง - 31/10/11 ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนก.ย. - 01/11/11 กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค.   World Event - 17/10/11 US: Empire State Mfg Survey - 17/10/11 US: Industrial Production* - 18/10/11 China: GDP* - 18/10/11 China: Industrial Production - 18/10/11 China: Retail Sales - 18/10/11 EU: Zew-Survey (Econ. Sentiment) - 18/10/11 US: Producer Price Index* - 18/10/11 US: Housing Market Index - 19/10/11 EU: Current Account - 19/10/11 EU: Construction Output - 19/10/11 US: Consumer Price Index* - 19/10/11 US: Housing Starts* - 20/10/11 EU: Consumer Confidence* - 20/10/11 US: Jobless Claims* - 20/10/11 US: Existing Home Sales* - 20/10/11 US: Philadelphia Fed Survey* - 21/10/11 EU: Govt Debt/ GDP Ratio* * Markets will pay more attention to these figures   กวี ชูกิจเกษม Kavee.c@kasikornsecurities.com, +662 696-0030 วิชญะ วงศ์ภาณุวิชญ์ Wichaya.w@kasikornsecurities.com, +662 696-0038   โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 17 ต.ค. 2554

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook