"สินค้า"โหนกระแส"สาวโสด" ไขปริศนา...อำนาจซื้อสูง-โตติดลมบน

มีการคาดการณ์ว่าภายใน 6 ปี ประเทศไทยจะมีประชากรหญิงมากกว่าชายถึง 1.5 ล้านคน และจะมีผู้หญิงที่อยู่ตัวคนเดียว (รวมโสด ม่าย ผ่านการหย่าร้าง) มากถึง 5.6 ล้านคน

โดยผลการสำรวจของ "เอเชีย รีเสิร์ช อินสติติวต์" ยังโชว์อีกด้วยว่า ตัวเลขของสาวกรุงเทพฯ อายุ 30-34 ปี ครองความเป็นโสดถึง 33% มากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างสาวโสดในจาการ์ตา ที่มีสัดส่วนเพียง 14% หรือจะเป็นสาวโสดในกรุงโซลที่มีสัดส่วน 19% แม้กระทั่งสิงคโปร์ที่มีสัดส่วน 21%

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์การครองความเป็นโสดกำลังมา เพราะจำนวนของ "สาวโสด" มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาและโลกาภิวัตน์ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบความคิด ค่านิยม และพฤติกรรมของคนสมัยใหม่ จนกลายเป็นกลุ่มที่แบรนด์หรือนักการตลาดจะต้องหาวิธีรับมือแบบเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

"ณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์" รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กร เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงข้อมูลของฐานลูกค้าเอ็มการ์ดที่มีอยู่กว่า 2 ล้านคนว่า เป็นสัดส่วนของลูกค้าผู้หญิงถึง 70% และจากสัดส่วนดังกล่าวเป็นผู้หญิงโสดเกือบ 60% เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีที่แล้ว ที่เดอะมอลล์มีฐานลูกค้าผู้หญิงที่เป็นโสดเพียง 45-46%

ถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ จนเดอะมอลล์กรุ๊ปได้หันมาศึกษาในรายละเอียดพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวในเชิงลึกมากขึ้น พบว่าแคทิกอรี่สินค้าที่ผู้หญิงโสดและไม่โสดเลือกซื้อเป็นอันดับ 1 คือสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตเหมือนกัน แต่ต่างกันในอันดับ 2 คือ ผู้หญิงโสดให้น้ำหนักกับการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ก่อนที่จะซื้อสินค้าเพื่อตัวเองอย่างเครื่องสำอางและแฟชั่น ส่วนผู้หญิงไม่โสดกลับซื้อเครื่องสำอางและแฟชั่นเป็นอันดับ 2 และ 3 ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอยู่ในอันดับ 4

"ผู้หญิงโสดที่มาเดินห้างเรามีกำลังซื้อ และซื้อง่ายเพราะตัดสินใจเอง ไม่ต้องปรึกษาสามีหรือใคร ตอนนี้เรากำลังยกระดับการบริการของแผนกเพาเวอร์มอลล์ ไม่เฉพาะแค่การแนะนำสินค้า แต่ยังต้องเป็นที่ปรึกษาช่วยลูกค้าตัดสินใจได้ด้วย คาดว่าปีหน้าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น หรือเราอาจจัดแคมเปญร่วมกับพาร์ตเนอร์อย่างซิตี้เอ็ม วีซ่า หรือเอสซีบีเช่นการปิดห้างให้สาวโสด หนุ่มโสดมาช็อปก็เป็นได้"

หรืออาจมีโปรโมชั่นที่เจาะลึกมากกว่าเดิม จากปกติที่โปรโมชั่นของห้างจะมี 2 แบบ คือแนวกว้างที่เป็นแคมเปญแบบคอร์เปอเรตร่วมกันทั้งห้าง และแนวลึกที่เป็นแคมเปญเจาะไปเฉพาะแต่ละแผนก ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสิ่งที่ลูกค้าทั้งโสดและไม่โสดมีความชอบเหมือนกันคือการลดราคา

"สุวรรณดี ไชยวรวุตม์" ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า คนโสดมีเวลาและอิสระในการใช้จ่ายเพื่อตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะมีอำนาจในการใช้เงินโดยไม่ต้องขออนุญาตใคร ส่วนพฤติกรรมการใช้เงินนั้นขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเวลาของแต่ละบุคคล

จากการสำรวจพบว่ากิจกรรมที่สาวโสดให้ความชื่นชอบคือการช็อปปิ้งและเดินทางต่างประเทศด้วยตนเอง ซึ่งกำลังเป็นกระแสใหม่มาแรง โดยมีอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ทัศนคติในการทำงานของสาวโสดยังทุ่มเทให้กับงานอยู่ตลอด เนื่องจากไม่ต้องรีบกลับบ้าน ทำให้มีความเครียดสูง แนวโน้มที่จะใช้เงินเพื่อบำบัดความเครียดจึงมีมาก สังเกตได้ว่าเทรนด์ของตลาดนัดแบบซอยละลายทรัพย์เริ่มแทรกเข้าไปอยู่ในหลาย ๆ พื้นที่ที่มีตึกออฟฟิศตั้งอยู่

สำหรับเถ้าแก่น้อยได้พัฒนาสินค้าตามกระแสความชอบของผู้บริโภคเป็นหลัก ล่าสุดได้แตกไลน์ธุรกิจไปยังป๊อปคอร์น โดยตั้งราคาให้เข้าถึงง่ายกว่าแบรนด์จากต่างประเทศ รวมถึงการหันไปรุกสินค้าเครื่องดื่มคอลลาเจน "คอลลี่ ดร.โทบิ" เพื่อเอาใจกลุ่มสาว ๆ ที่รักสวยรักงาม

"อุษณีย์ เลาหะวรนันท์" ผู้จัดการ Customer Insight กลุ่มลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า กลุ่มสินค้าและบริการที่ผู้หญิงโสดจะใช้มากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคือเรื่องกิน เที่ยว ช็อปปิ้ง ซึ่งผู้หญิงโสดสมัยใหม่จะมีทัศนคติในการใช้เงินเต็มที่ เพราะมีกำลังซื้อและตัดสินใจซื้อเองไม่ต้องปรึกษาคนข้างเคียง

โดยผู้หญิงโสดมีการใช้จ่ายมากกว่าผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วถึง49% ส่งผลให้มีการออมเงินน้อยตามไปด้วย เมื่อรวมกับแนวโน้มตัวเลขของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าตั้งแต่ปี 2537-2554 เพิ่มขึ้นจาก 3.6% เป็น 8.6% ในมุมของธนาคารจึงเป็นอีกโอกาสหนึ่งของธุรกิจที่จะนำเสนอบริการต่าง ๆ ให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว เตรียมพร้อมด้านการเงินและใช้ชีวิตหลังเกษียณ

การเรียนรู้ไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้เงินของผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงเป็นอีกโอกาสทองของแบรนด์ที่จะหยิบเอามาพิจารณาเพื่อมัดใจให้ตรงจุด เพราะอย่าลืมว่าอำนาจการซื้อของสาวโสดนั้นมีอยู่อย่างเต็มที่