หอการค้าเผยปี57GDPไทยต่ำสุดในอาเซียน

หอการค้าเผยปี57GDPไทยต่ำสุดในอาเซียน

หอการค้าเผยปี57GDPไทยต่ำสุดในอาเซียน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หอการค้าไทย เผย ปี 57 GDP ไทยต่ำสุดในอาเซียน จากการเมืองวุ่น นักท่องเที่ยวหาย 8 แสนคน หากการเมืองยืดเยื้อถึงปี 58 ไทยเสียโอกาสเป็นศูนย์กลางอาเซียน แนะรัฐบาลชุดใหม่เร่งเบิกจ่ายงบ สร้างเชื่อมั่นนักลงทุน

นายอัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ปี 2557 จะเป็นปีที่ GDP ของประเทศไทยต่ำที่สุดในอาเซียน อยู่ที่ระดับน้อยกว่าร้อยละ 3 จากปัจจัยการเมืองเป็นหลัก และจากศักยภาพการแข่งขันของประเทศถดถอย โดยจะส่งผลให้เม็ดเงินหายไปประมาณ 3 แสนล้านบาท และหากปัญหาการเมืองยืดเยื้อไปถึงไตรมาสที่ 2 จะส่งผลต่อเม็ดเงินโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ที่จะชะลอการเข้ามาในไทยที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท และจะกระจายไปยังอินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารทะเลและแปรรูป เสื้อผ้า อสังหาริมทรัพย์ การค้าส่งค้าปลีก เป็นต้น

นอกจากนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 8 แสนคน หรือคิดเป็นรายได้ที่หายไปประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่การส่งออก จะเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 3.9 จากเดิมที่คาดจะขยายตัวร้อยละ 5 หรือคิดเป็นรายได้ที่หายไปประมาณ 9 หมื่นล้านบาท

หอค้าไทย มองหากการเมืองยืดเยื้อ ไทยอดศูนย์กลางอาเซียน

นายอัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาทางการเมืองได้คลี่คลายลงไปในระดับหนึ่ง จากการคืนพื้นที่บริเวณย่านธุรกิจของ กปปส. แต่ทั้งนี้ จุดยืนทางการเมืองของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ยังไม่ตรงกัน อาจจะส่งผลให้การเมืองยืดเยื้อไปถึงไตรมาสที่ 2 และ 3 ได้ โดยหากในปี 2558 ยังไม่สามารถหาทางออกทางการเมืองได้ จะส่งผลต่อโอกาสของประเทศไทยที่ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอาเซียน เนื่องจาก GDP ของไทย ที่อยู่ต่ำกว่าระดับอาเซียน ที่ประมาณร้อยละ 6-7 โดยสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีศักยภาพที่จะขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอาเซียนได้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย หากสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง มีสิทธิ์ที่จะเป็นศูนย์
กลางอาเซียนสูง จากปัจจัยของสภาพแรงงานและทรัพยากรที่มีจำนวนมาก รวมทั้งกำลังซื้อในประเทศที่สูง

นอกจากนี้ นายอัทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนไทยและต่างชาติ รวมถึงผู้นำเข้าจากต่างประเทศ ให้มีความมั่นใจสินค้าไทย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook