กรณ์FBโต้กิตติรัตน์กรณีมาตรการลดภาษีดีเซล

'กรณ์' โพสต์ FB แจงกรณี ถูก 'กิตติรัตน์' พาดพิง 'ใจร้าย' หวังประโยชน์การเมือง ไม่ต้องการให้ กกต.อนุมัติ รัฐบาลต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตนํ้ามันดีเซล

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แจงกรณี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง กล่าวหาผ่าน Facebook ส่วนตัว ว่า ผมไม่ต้องการให้ กกต. อนุมัติให้รัฐบาลต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตนํ้ามันดีเซลหวังประโยชน์ทางการเมือง และสรุปว่าผมเป็นนักการเมืองที่ใจร้าย โดยยืนยันว่า ที่ คุณกิตติรัตน์ กล่าวหาผมทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะได้ให้สัมภาษณ์ไว้ชัดเจนว่า เรื่องนี้ขึ้นกับ กกต.เป็นผู้วินิจฉัย และพูดชัดเจนว่า ในหลักการไม่คัดค้านเรื่องนี้เพราะนโยบายได้มีการริเริ่มโดยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ด้วยซํ้าไป ในการสัมภาษณ์ผมได้ตำหนิรัฐบาลว่า ไม่รอบคอบในการทำงานเพราะควรจะพิจารณาเรื่องที่มีผลต่อค่าครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ครบก่อนที่จะยุบสภาฯ เมื่อปล่อยปละละเลยมาถึงวันนี้ ทำให้ประชาชนต้องลุ้นว่า กกต. จะยอมให้ต่ออายุโครงการหรือไม่ ดังนั้นที่ คุณกิตติรัตน์ ควรอธิบายมากกว่าก็คือ ทำไมถึงไม่ต่ออายุโครงการนี้เสียให้เรียบร้อยเมื่อมีโอกาส จะได้ไม่มีความเสี่ยงต่อประชาชน ด้านปัญหาค่าครองชีพที่รัฐบาลบิดเบือนกลไกในการดูแลราคาพลังงานพลังงานจนล้มเหลว เพื่อสนองต่อวาทกรรมหาเสียงเรื่องกระชากค่าครองชีพ จนทำให้เปิดปรากฏการณ์ 'แพงทั้งแผ่นดิน' ในปีแรก และสร้างความชินชาต่อปัญหาข้าวของแพงต่อเนื่องในปีถัดมา เท่านั้นยังไม่พอครั้งนี้ปัญหาการเมืองภายในก็สาหัสพอแล้ว รัฐบาลโดย รมว.คลัง ยังซ้ำเติมประชาชนด้วยความไม่รอบคอบต่อประเด็นที่เสี่ยงต่อการก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือนโดยตรงของประชาชนอีก

หาก กกต.ไม่อนุมัติขึ้นมาจริงๆ ด้วยประเด็นทางกฎหมายแน่นอน ราคาน้ำมันดีเซล จะพุ่งขึ้นอย่างแน่นอน ประมาณ 10 บาทต่อลิตร ตามที่มีการคาดการณ์กัน ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องไปทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ไม่มีรัฐบาลแบบนี้จะเป็นอย่างไร แทนที่จะมาป้ายสีฝั่งตรงข้าม การคิดมาตรการป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของรักษาการเช่นเดียวกันครับ แก้ปัญหาไม่ได้แล้ว หาวิธีบรรเทาได้บ้างก็ยังดี