“พิซซ่า อะโลฮ่า” ธุรกิจไทยแท้มาแรงสุดคุ้ม ลงทุนหลักพัน ขายง่าย ขายดีทุกทำเล กำไรกว่า 40%

“พิซซ่า อะโลฮ่า” ธุรกิจไทยแท้มาแรงสุดคุ้ม ลงทุนหลักพัน ขายง่าย ขายดีทุกทำเล กำไรกว่า 40%

“พิซซ่า อะโลฮ่า” ธุรกิจไทยแท้มาแรงสุดคุ้ม ลงทุนหลักพัน ขายง่าย ขายดีทุกทำเล กำไรกว่า 40%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี แฟรนไชส์แบรนด์ "พิซซ่า อะโลฮ่า (PIZZA ALOHA)" มีแฟรนไชส์ซี่ทั่วประเทศกว่า 100 สาขา ตัวเลขดังกล่าว ตอกย้ำให้เห็นถึง ความสำเร็จของธุรกิจพิซซ่าที่อยู่ภายใต้การดูแล "คุณเสาวนีย์ คงวุฒิปัญญา" หรือ "คุณแตง" ได้เป็นอย่างดี ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไม "พิซซ่า อะโลฮ่า" จึงได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั้งในกทม. และต่างจังหวัด และกลายเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่ผู้บริโภคชื่นชอบ และบอกกันปากต่อปาก จนทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเช่นทุกวันนี้

ความสำเร็จของ "พิซซ่า อะโลฮ่า" ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของคุณแตงที่มองเห็นโอกาสช่องวางในตลาด ทั้งนี้"คุณแตง" กล่าวว่า ที่ผ่านมาถ้าผู้บริโภคอยากทาน "พิซซ่า" ต้องซื้อในราคามากกว่า 200 บาท/ถาด ซึ่งในขณะที่ค่าครองชีพในบ้านเราสูงขึ้นทุกวัน สภาพเศรษฐกิจก็ยังอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง แม้จะอยากทานแค่ไหน ก็ต้องชั่งใจ แต่เมื่อวันนี้มี "พิซซ่า อะโลฮ่า" ซึ่งอัดแน่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพ แป้งกรอบนุ่ม แถมมีให้เลือกถึง 10 หน้า โดยจำหน่ายเพียงแค่ถาดละ 49-59 บาท จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อผู้บริโภคได้พบเห็น จะโดนใจ เพราะคุ้มค่า และเมื่อได้ลองชิมก็จะติดใจในรสชาติ จนเกิดการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ทำให้มีแฟรนไชส์ซี่ที่เปิดร้าน "พิซซ่า อะโลฮ่า" มีลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดสาย

ไม่เพียงแค่จุดเด่นของสินค้า ที่อร่อย ครบรส ถูกใจคนทุกเพศทุกวัย เท่านั้น แต่ด้วยรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย และเริ่มต้นทำได้ไม่ยาก แถมยังให้ผลตอบแทนสูงถึงกว่า 40% จึงทำให้นักลงทุนหลายคนเลือกที่จะลงทุนไปกับ "พิซซ่า อะโลฮ่า"

ทั้งนี้ "คุณแตง" เปิดใจว่า การลงทุนในทุกธุรกิจล้วนแต่มีการเสี่ยง แต่ถ้าคุณลงทุนน้อย ในธุรกิจที่มีโอกาสรุ่งมากกว่าร่วง ความเสี่ยงก็ย่อมลดน้อยลงไปด้วย ดิฉันทำธุรกิจมานาน เคยทำร้านกาแฟ เบเกอรี่มา จึงเข้าใจความต้องการ และเงื่อนไขของนักลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีใครอยากลงทุนสูง เพราะต่างก็กลัวว่าจะล้มเหลว

ฉะนั้นเมื่อคิดที่จะทำธุรกิจ "พิซซ่า อะโลฮ่า" ในรูปแบบของแฟรนไชส์ขึ้นมา จึงเซ็ทระบบให้มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์ของนักลงทุนที่หลายหลาก โดยปัจจุบันมีแฟรนไชส์ 3 รูปแบบดังนี้

1. แฟรนไชส์ชุดเล็ก 3,900 บาท โดยจะได้รับอุปกรณ์ในการทำพิซซ่า 8 รายการ ซึ่งรูปแบบนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการ เพิ่มรายได้จาก ธุรกิจที่ทำอยู่ เช่นเปิดร้านกาแฟ - เบเกอรี่, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านขายของ ฯลฯ ซึ่งไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนัก แต่สามารถขายสินค้าได้เพิ่มนั้นเอง

2. แฟรนไชส์ชุดกลาง 6,900 บาท เหมาะกับคนที่กำลังมองหาธุรกิจเสริม หรือยังไม่เคยลงทุนทำอะไรมาก่อน เพราะเซ็ทนี้จะให้อุปกรณ์ในการทำพิซซ่า 14 รายการ สามารถเปิดร้านขาย "พิซซ่า อะโลฮ่า" ได้เลย

3. แฟรนไชส์ชุดใหญ่ 35,000 บาท โดยจะได้รับเคาน์เตอร์ และอุปกรณ์ในการทำพิซซ่า 15 รายการ ฉะนั้นจึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีทำเลขายที่แน่นอนโดย ทุกแฟรนไชส์จะได้การอบรมการทำพิซซ่าฟรี และที่สำคัญ "พิซซ่า อะโลฮ่า" ไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์แรกเข้า, ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน-รายปี, ไม่หักส่วนแบ่งยอดขาย ทั้งนี้ "คุณแตง" ให้เหตุผลของการไม่คิดเก็บเงินเพิ่มเติมแต่อย่างใดนั้นได้อย่างน่าสนใจว่า " จริงอยู่ที่การทำธุรกิจ เราต้องมีกำไร แต่ก็ต้องไม่มากเกินความเป็นจริง ต้องทำให้แฟรนไชส์ซี่ประสบความกับเราด้วย ดิฉันอยากให้ทุกคนที่อยากทำธุรกิจพิซซ่า ได้มีโอกาสได้ทำ ถ้าเราตั้งเงื่อนไขการลงทุนที่สูง ก็เท่ากับปิดโอกาสของคนที่สนใจ"

พร้อมกล่าวต่อว่า การลงทุนกับ"พิซซ่า อะโลฮ่า" เราเน้นความยืดหยุ่น ไม่ได้กำหนดว่า แฟรนไชส์ซี่ต้องซื้อวัตถุดิบจากเราทั้งหมด ยกเว้นตัวแป้งพิซซ่าสูตรลับความอร่อยนั้นเอง แต่ถ้าลูกค้าต้องการซื้อวัตถุดิบอื่นๆ อาทิ ไส้กรอกเวียนนา, เบคอนรมควัน ฯลฯ กับทาง "พิซซ่า อะโลฮ่า" เราก็พร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งวัตถุดิบที่ซื้อจากเราไม่เพียงแค่ เป็นสินค้าคุณภาพเกรดเอ แต่ยังได้ราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด เพราะเมื่อมีการสั่งซื้อในปริมาณมากๆ กับผู้ผลิตโดยตรง ก็จะได้ราคาในต้นทุนที่ถูกกว่าไปซื้อปลีกย่อยตามท้องตลาดทั่วไป

ทว่าสำหรับ แฟรนไชส์ซี่ ที่ตั้งใจจะซื้อวัตถุดิบที่ท้องถิ่นตัวเอง ก็ต้องมีการพูดคุยทำความตกลงกันก่อนว่า สินค้าที่นำมาใช้ในการทำ "พิซซ่า อะโลฮ่า" ต้องมีคุณภาพ เพราะถ้าใช้ของไม่ดี เมื่อลูกค้าทานแล้วก็จะรู้ และไม่กลับมาซื้ออีก ทำให้สุดท้ายแล้ว ธุรกิจที่เริ่มต้นมาดีต้องปิดตัวไปอย่างน่าเสียดาย

โดยกำไรที่จะได้รับรับรองว่าไม่น้อยกว่า 40% และไม่ต้องกลัวว่าเมื่อขายไม่หมด จะขาดทุน เนื่องจาก วัตถุดิบส่วนใหญ่เก็บได้ อาทิ แป้งพิซซ่า สูตรพิเศษของ "พิซซ่า อะโลฮ่า" จะเก็บได้นานถึง 3 วัน โดยที่คุณภาพยังคงเดิม ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ อย่างไส้กรอก, แฮม, เบคอน ก็เก็บแช่ไว้ในตู้เย็นได้อย่างสบาย

ส่วนเคล็ดลับความสำเร็จในการเปิดร้าน "พิซซ่า อะโลฮ่า" ให้ลูกค้าแน่ร้าน จนสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน "คุณแตง" แนะว่า นอกจากใช้ของดีแล้ว ทำเลก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ควรเลือกเปิดร้านในย่านตลาดนัด ตามโรงเรียน หรือแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ซึ่งด้วยราคาขายที่ถูก แต่คุณภาพเต็มถาด รับรองว่า ขายได้อย่างแน่นอน

จุดเด่นของ "พิซซ่า อะโลฮ่า" ที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ชั่วข้ามเดือน

1. ลงทุนน้อยมาก เพียงแค่หลักพัน ในขณะที่ธุรกิจอื่นต้องใช้เงินสูงถึงหลักหมื่น

2. ทำง่าย แม้ไม่มีความรู้เรื่องการทำอาหาร โดยมีการอบรมสอนการแต่งหน้า การอบพิซซ่า ใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 นาที ก็ได้พิซซ่า 1 ถาด พร้อมเสิร์ฟขายแล้ว

3. ให้ผลตอบแทนสูง ความสี่ยงต่ำ โดยผลกำไรอยู่ที่ 40% ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งด้วย

4. มีสินค้าหลากหลาย ถูกใจลูกค้า ทำให้ขายง่าย ปัจจุบันมีให้เลือก 10 หน้า 4 ขนาด(4 นิ้ว, 6 นิ้ว, 7นิ้ว และ 9นิ้ว)

สนใจธุรกิจ "พิซซ่า อะโลฮ่า" ติดต่อ "คุณเสาวนีย์ คงวุฒิปัญญา"

71/11 ถ.เพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. 10160 โทร 081-922-8959

www.pizzaaloha.com, https://www.facebook.com/PizzaAloHa

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook