ทุนเทศไม่หวั่นการเมืองป่วน! อสังหาฯไทยฟุ้งจัดทัวร์ไล่ช็อป/จีนมือหนักเฮซื้อคอนโดฯยกตึก
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/mn/0/ud/33/167632/g.jpgทุนเทศไม่หวั่นการเมืองป่วน! อสังหาฯไทยฟุ้งจัดทัวร์ไล่ช็อป/จีนมือหนักเฮซื้อคอนโดฯยกตึก

    ทุนเทศไม่หวั่นการเมืองป่วน! อสังหาฯไทยฟุ้งจัดทัวร์ไล่ช็อป/จีนมือหนักเฮซื้อคอนโดฯยกตึก

    2013-11-14T04:35:25+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    สยามธุรกิจ : ทุนต่างชาติไม่หวั่นปัญหาการเมือง เดินหน้าไล่ช็อปอสังหาฯ ในไทย กว้านซื้อทำเลทองทั่วประเทศ สุขุมวิทฮอต! เศรษฐีจีนซื้อคอนโดฯหรูแบบยกตึก ขณะที่สถานทูตจีนซื้อตึกในโครงการแกรนด์ พระราม 9 กว่า 80 ยูนิตให้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมแนะนำนักลงทุนจีนซื้อในโครงการเดียวกันอีก 100 ยูนิต เพื่อเป็น "ไชน่าทาวน์" แห่งใหม่ นายกอสังหาฯ ไทยเผยต่างชาติแห่ขอข้อมูล จัดทัวร์อสังหาฯ โดยเฉพาะขณะที่ผลสำรวจเรตติ้งไทยพุ่งเป็นอันดับ 1 ประเทศน่าลงทุนในอาเซียน

    นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า ขณะนี้มีกลุ่มทุนอสังหาฯต่างชาติสนใจเข้ามาทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากประเทศจีน มาเก๊า และซาอุดีอาระเบีย ติดต่อเข้ามาเยี่ยมชมภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย ซึ่งการมาครั้งนี้ถือเป็นการติดต่อขอข้อมูลอย่างเป็นทางการครั้งแรก

    "การที่กลุ่มทุนต่างชาติเริ่มติดต่อเข้ามาดูงานในไทยอย่างเป็นทางการคาดว่าเป็นผลจากการจะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเราเป็นหมายการลงทุนของนานาชาติ จะสังเกตเห็นว่าตอนนี้เริ่มมีการจัดทัวร์ให้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาดูอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเราแล้ว"

    และจากศักยภาพและชัยภูมิที่เป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียนก่อนเปิด AEC ทำ ให้ประเทศไทยมีเรตติ้งพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 ที่น่าลงทุนมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนและจากผลการจัดอันดับความยากง่าย ในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลกของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ไทยอยู่ในอันดับ 18 จากทั้งหมด 189 ประเทศทั่วโลก

    "ถ้าไม่นับสิงคโปร์ ฮ่องกงถือว่าเรามีความพร้อมมากที่สุดในอาเซียน และต่างชาติยังคงมั่นใจการลงทุน แม้จะมีปัญหาการเมือง อยู่บ้างก็ตาม หรือถ้าหากเทียบกับมาเลเซีย แล้ว เขายังมีข้อเงื่อนไขในการลงทุน คือต้อง ซื้อยูนิตละ 5 ล้านบาทขึ้นไป หรือในหลายๆ ประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนก็ยังไม่มีความชัดเจนในแง่กฎหมายซื้ออสังหาริมทรัพย์เหมือนบ้านเรา" นายกสมาคมฯ อสังหาฯ ไทยกล่าว

    แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า ประเทศจีนเป็น กลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเข้ามากว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเพราะเล็งเห็นถึงความคุ้มค่าด้านการลงทุน อย่างสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยได้ซื้อตึกในโครงการแกรนด์พระราม 9 ยกตึกจำนวน 80 ยูนิต เพื่อเป็นที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ ยังไม่นับห้องชุดอีกกว่า 100 ยูนิต ที่ทางสถานทูตจะแนะนำให้ชาวจีนที่สนใจเข้ามาซื้อเพื่อเป็นย่านไชน่าทาวน์แห่งใหม่ หรือกรณีนักลงทุนต่างชาติระดับมหาเศรษฐีซื้อคอนโดฯหรูแบบยกตึกย่านสุขุมวิทเป็นที่พักส่วนตัว สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยที่ยังเป็นที่หมายปองของต่างชาติ

    จากการสำรวจของ ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ พบว่า จากการเคลื่อนเข้ามาของนักลงทุนของต่างชาติได้ส่งผลให้ที่พักอาศัยใจกลางกรุงเทพ มหานครมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ที่มีห้องพักขนาดใหญ่ เนื่องจากโครงการที่กำลัง ก่อสร้างส่วนใหญ่จะเน้นห้องขนาดสตูดิโอ ส่วนของขนาด 2-3 ห้องนอนมีสัดส่วนเพียง 30% เท่านั้น โดยทำเลที่ได้รับความนิยมได้แก่ สุขุมวิท ซ.1-ซ.63 และ ซ.2-ซ.42 ย่านลุมพินี และบางพื้นที่ในย่านสีสมและสาทร ผู้เช่ากลุ่มนี้เป็นผู้เช่าที่ต้องการห้องขนาด 2-3 ห้องนอน โดยปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมในทำเลที่ชาวต่างชาตินิยมประมาณ 22,000 ยูนิตกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แต่มีเพียง 30% เท่านั้นที่เป็นห้องขนาด 2-3 ห้อง นอน ในขณะที่ห้องชุดส่วนใหญ่เป็นห้องแบบสตูดิโอและแบบ 1 ห้องนอน

    และจากข้อมูล พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ระบุว่า ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง โดยเฉพาะเพลินจิต สุขุมวิท แข่งขันรุนแรง ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ จากการเปิดเสรีอาเซียน อีกทั้งเป็นทำเลยอด นิยมของคนญี่ปุ่น ส่งผลราคาต้นทุนที่ดินเพิ่ม ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาของห้องชุดในโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2-3 ปีย้อนหลังในทำเลเดียวกันถูกกว่าโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างราว 30% ทำให้ห้อง ชุดรีเซลได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูล ของผู้อยู่อาศัยในคอนโดฯ

    ล่าสุด พบว่า 53% เป็นเจ้าของอยู่อาศัย เอง 25% เป็นผู้เช่า และอีก 22% เป็นห้องว่าง ซึ่งบางส่วนเป็นการซื้อลงทุนระยะยาวโดยไม่ขายต่อและปล่อยเช่าและอีก ส่วนคือห้องที่รอขายต่อหรือรอปล่อยเช่า จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งหมดจะมีอยู่ประมาณ 78% ซึ่งเป็นเทรนด์เดียวกันต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว แต่ในสัดส่วนของผู้เช่าเริ่มเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโซนสุขุมวิท