โมเม นภัสสร ต่อยอดเทคโนโลยีจากความชอบ

โมเม นภัสสร ต่อยอดเทคโนโลยีจากความชอบ

โมเม นภัสสร ต่อยอดเทคโนโลยีจากความชอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากย้อนกลับไป 13 ปีที่แล้ว ทุกคนรู้จักเธอในฐานะศิลปินเดี่ยวสังกัดอาร์เอส ที่มีท่าเต้นชักกระดุ๊กกระดิ๊กมาให้คนไทยได้ฮิตเต้นกัน ในวันนี้ "โมเม นภัสสร" ผันตัวมาเป็นดีเจบนคลื่นวิทยุ Eazy FM 105.5 จันทร์-ศุกร์ เวลา 19.00-24.00 น. พร้อมกับเป็นพิธีกรบนอินเทอร์เน็ตทีวีที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั่นคือ รายการ "โมเม พาเพลิน" ของ Spokedark.tv ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับความสวยงามและสอนการแต่งหน้าให้กับสาวๆ ได้แต่งหน้าด้วยตัวเองแบบง่าย

โมเม เล่าให้ฟังว่า เธอเป็นคนติดตามเทคโนโลยีที่ออกใหม่อยู่เสมอแต่จะเลือกใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ด้วยการทำงานที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ดังนั้น แบล็กเบอร์รี่ ไอโฟน และแล็ปท็อปจึงเป็นสิ่งที่เธอพกติดตัวเสมอ เพราะแฟนรายการส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นที่ล้วนต้องการให้ตอบปัญหาเร็วที่สุด ถ้าตอบคำถามช้าหรือไม่ได้รับการสนใจจะงอแงมาคอมเม้นท์ทวงถามคำตอบกันตลอดเวลา

เหตุที่ต้องพกดีไวซ์ขนาดนี้ โมเม ให้เหตุผลว่า ถ้าใครใช้ไอโฟนแบตเตอรี่จะหมดไว ต้องมีโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องสำรองไว้ด้วย และที่เลือกแบล็กเบอร์รี่เพราะเพื่อนๆ รวมถึงคนที่ติดต่องานด้วยส่วนใหญ่ใช้ สามารถทิ้งข้อความและพูดคุยผ่านโปรแกรม BBM ได้ ส่วนแล็ปท้อปใช้โต้ตอบอีเมล เขียนบล็อกและตอบคำถามแฟนรายการซึ่งสะดวกในการพิมพ์และอ่านได้ชัดเจนเพราะหน้าจอใหญ่
การเป็นหนอนหนังสือตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษ Kindle จึงเป็นดีไวซ์อีกชิ้นที่เหมาะกับการพกพาไปไหนด้วย เนื่องจากหนังสือภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะหนาและหนักหากต้องหอบไปด้วยทุกที่คงไม่สะดวก และเป็นการประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บที่บ้านด้วยเพราะตอนนี้หนังสือเยอะมาก เมื่อมีการจัดทำแบบไฟล์ดิจิตอล ทำให้ก็บหนังสือเได้ง่ายและสะดวกในการพกพา

บล็อกเกอร์ด้านความงาม
โมเม เล่าว่า ตอนนี้เริ่มสร้างคอนเทนต์ในส่วนของบล็อกมากขึ้นและมีการอัพเดทตลอดเวลา ซึ่งเกี่ยวกับความงามและเขียนเป็นภาษาอังกฤษ สาเหตุที่บล็อกเป็นภาษาอังกฤษเพราะต้องการขยายออกไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้น และเริ่มมีแฟนบล็อกคนไทยในต่างประเทศหรือคนต่างชาติสนใจเข้ามาอ่านบล็อก ที่สำคัญบล็อกเป็นช่องทางที่ฝรั่งเปิดใจรับคอนเทนต์ได้ง่ายกว่าช่องทางอื่น

พิธีกรบนอินเทอร์เน็ตทีวี
จากการชื่นชอบและถนัดภาษาอังกฤษบวกกับเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ทำให้ได้มาทำรายการบนอินเทอร์เน็ตทีวีครั้งแรกกับ Ihere.tv โดยใช้ชื่อว่า "Good English with โมเม" ซึ่งตอนนี้ได้หยุดรายการไปแล้ว เพราะเป็นช่องทางใหม่และต้องหาอะไรให้ดึงดูดและโดนใจซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องใช้เวลา หลังจากทำรายการ "Good English with" โมเมมาได้ระยะหนึ่งก็เกิดรายการ "โมเม พาเพลิน" ขึ้น ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดีเพราะคนส่วนใหญ่เข้าถึงได้เร็วและกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับเทรนด์การแต่งหน้า
โมเม เล่าถึงเนื้อหารายการ "โมเม พาเพลิน" ว่าเริ่มจากเห็นวิดีโอสอนแต่งหน้าจำนวนมากบน YouTube แต่ส่วนใหญ่จะเป็นของฝรั่ง ซึ่งไม่มีภาษาไทยเลยทำให้คนไทยเข้าถึงได้จำกัด ฝรั่งจะเริ่มแต่งหน้ากันตั้งแต่อายุ 12 ปี แต่คนไทยเริ่มเรียนรู้การแต่งหน้าช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งต้องเป็นช่วงเวลาที่เด็กสาวอวดโฉมความงามกันแล้ว ดังนั้น การมีรายการสอนแต่งหน้าจะช่วยให้สาววัยรุ่นไทยมีคู่มือความงามได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะโมเมรู้สึกว่า การอ่านหรือการหาข้อมูลจากในทีวีมันไม่เพียงพอ จึงลองทำคลิปวิดีโอที่สอนแต่งหน้ากันแบบง่ายๆ ให้สามารถดูและแต่งหน้ากันเองได้

 

 

จากความชอบสู่รูปแบบรายการ 

ด้วยความชื่นชอบเรื่องการแต่งหน้า ทำให้โมเมนำจุดนี้มาแบ่งปันให้กับสาวๆ เพื่อจะได้อัพเดตเทรนด์ความงามได้ทันต่างประเทศ โดยใช้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษศึกษาจากคลิปวิดีโอของต่างประเทศและนำมาทดลองแต่งหน้ากับตัวเอง ก่อนจะมานำเสนอในแบบฉบับภาษาไทย

"จุดประสงค์ของรายการคือ ต้องการให้ทุกคนสามารถแต่งหน้าสวยด้วยตัวเองได้ และให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางว่าแต่ละอย่างมีไว้สำหรับทำอะไร คนส่วนใหญ่พลาดในการซื้อเครื่องสำอางและไม่ได้ใช้ เพราะจะซื้อทุกอย่างที่มีคนบอกว่าดี แต่ไม่รู้ว่าใช้ทำอะไรและเหมาะกับเขาไหม เราจะเป็นคนให้ความรู้ตรงนี้มากกว่า"
หากเป็นรายการความงามที่คุ้นเคยในหน้าจอทีวี การพูดจาเป็นทางการอ่อนหวานไพเราะจะเข้าถึงกลุ่มแม่บ้านวัยกลางคนมากกว่า แต่สำหรับรายการบนอินเทอร์เน็ตทีวีนั้น คนที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นตอนต้นจนถึงวัยเริ่มทำงาน หรือกลุ่มคนอายุ 18-29 ปี รองลงมาคือ 30-40 ปี

"คนไทยส่วนใหญ่ชอบคลิปแต่งหน้าตามลุคของดารา อยากสวยเหมือนอั้ม พัชราภา, ชมพู่ อารยา, พลอย เฌอมาลย์ และญาญ่า แต่จะบอกว่าดาราไทยแต่งหน้าไม่ได้หนีสไตล์กันมาก เพราะวิธีการถ่ายทำบ้านเราจะมีทั้งไฟและกล้องคุณภาพดีที่ส่งเสริมให้หน้าตาดารายิ่งดูสวยใสหน้าเด่นตลอดเวลา ซึ่งชีวิตจริงไม่สามารถจัดแสงให้หน้าสวยตลอดเวลาได้ ระหว่างสอนก็จะอธิบายด้วย"

โต้ตอบกับผู้ชมรายการ
โมเม เล่าว่า ตั้งแต่เริ่มทำรายการได้นำโซเชียลเน็ตเวิร์กเข้ามาสื่อสารกับผู้ชมรายการทั้ง Twitter และ Blog ส่วน Fan Pang เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน โดยจะใช้เวลาอย่างต่ำวันละ 1 ชั่วโมง ในการตอบคำถามทุกช่องทาง ซึ่งคำถามที่ถูกถามบ่อยจะเกี่ยวกับการเลือกแป้ง มาสคาร่า และอายไลน์เนอร์
การเตรียมคอนเทนต์แต่ละครั้งจะไม่เป็นภาระมากนัก เนื่องจากปกติจะเข้าเว็บไซต์เรื่องเครื่องสำอางอัพเดตตลอดว่ามีอะไรออกใหม่ เทรนด์ไหนกำลังมา และตอนนี้ต่างประเทศมีรีวิวเรื่องอะไรน่าสนใจ นอกจากนี้ แบรนด์เครื่องสำอางยังส่งสินค้ามาให้ช่วยทดลองและรีวิวเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้จะมีผลิตภัณฑ์รีวิวที่มีและไม่มีขายในประเทศไทย ถ้าไม่มีจะไปหามาด้วยตัวเองเพื่อทดลองและทำการรีวิวให้กับผู้ชม

1. เว็บไซต์ประจำ
เว็บไซต์ Temptalia.com เกี่ยวกับการรีวิวเครื่องสำอาง โดยเจ้าของเว็บไซต์เริ่มจากการทำวิดีโอบน YouTube และได้การตอบรับดีจนแบรนด์สินค้าส่งเครื่องสำอางมาให้ทดลองใช้มากมาย เหตุผลที่ชอบเว็บไซต์นี้เพราะวิธีการนำเสนอ ซึ่งเขาทำคลิปวิดีโอน้อยลงแต่จะเน้นการทำบล็อกมากกว่า โดยมีการจัดเรตติ้งเครื่องสำอางกับให้คะแนนตัดเกรดกับสินค้าตั้งแต่ A-D ซึ่งจะประเมินตั้งแต่แพ็กเกจจิ้ง คุณภาพสี เนื้อผลิตภัณฑ์ ราคา โดยแยกเกรดแต่ละอย่างออกมาชัดเจน ซึ่งเป็นเว็บไซต์แรงบันดาลใจอยากทำเว็บไซต์รายการ "โมเม พาเพลิน" ให้เป็นอย่างนี้ในอนาคต

2. คลิปวิดีโอที่ชอบ
- คลิปวิดีโอของมาดามมด เป็นแฟนประจำและ Subscribe ไว้ด้วย ชอบความเป็นตัวของตัวเอง และอยากเชิญมาแต่งหน้าหรือให้มาดามมดมาแต่งหน้าตัวเองในรายการ "โมเม พาเพลิน" ว่ามีเทคนิคการแต่งหน้าอย่างไร รายการนี้มีสาระจริงๆ ตอนแรกเขาเด่นในเรื่องนำเสนอคำฮิตของวัยรุ่น แต่ตอนนี้เริ่มมาสอนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เรียนรู้ในแบบง่ายๆ และสอดแทรกมุขตลก
- รายการทีวีอเมริกันชื่อ The Ellen Show ซึ่งพิธีกรจะเป็นเลสเบี้ยน การพูดคุยในรายการจะมีวิธีเล่าเรื่องตลกร้ายในมุมมองของผู้หญิง แต่ออกอากาศช่วงกลางวันจึงมีทั้งโชว์ และสัมภาษณ์ ชอบพิธีกรเป็นผู้หญิงที่สมาร์ท ฉลาด และมีมุขขำลึก เนื้อหาของรายการจะมีอะไรให้ประหลาดใจตลอด มีการนำนักร้องหลายคนที่ร้องใน YouTube มาออกอากาศและเกิดการเซ็นต์สัญญากับค่ายเทปด้วย รายการนี้ให้ความสำคัญกับโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพราะมีการ Tweet โต้ตอบกับแฟนรายการตลอดเวลา

3. แอพพลิเคชั่นที่ใช้งาน
- Instagram เพราะรูปๆ หนึ่งบรรยายแทนคำพูดได้มากกว่า เมื่อก่อนเรารู้สึกว่าทวิตเตอร์สุดยอดแล้ว แต่ถูกจำกัดแค่ 140 ตัวอักษร และบรรยายอะไรไม่ได้มากมายขนาดนั้น เมื่อเป็นรูปแล้วมันง่ายและสามารถเล่าให้เห็นถึงคนๆ หนึ่งได้มากมายว่าเขาใช้ชีวิตยังไง ชอบและแชร์อะไร มีการโต้ตอบคอมเมนต์สนุกดี และทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนถ่ายรูปสวยตลอดเวลา
- Sephora.com เป็นร้านเครื่องสำอางขนาดใหญ่และขายแต่เครื่องสำอางของยุโรปและอเมริกา ภายในแอพพลิเคชั่นจะมีการอัพเดตสินค้ามาใหม่ เช็กลิสต์ และโปรโมชั่นต่างๆ ให้สามารถเช็กข้อมูลได้ตลอดเวลา
- แอพพลิเคชั่นของ Whowhatwear.com ที่ชอบเพราะจะมี Guest Editor มาสอนการจับเสื้อผ้ามาแต่งให้มิกซ์แอนด์แมตช์กัน รวมถึงเทรนด์การแต่งหน้าและทำผมด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook