สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย

สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Snapshot   สหรัฐอเมริกา           -  ยอดค้าปลีกในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นอัตราที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 0.1% ใน หลังเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนยอดค้าปลีกไม่รวมรถยนต์ลดลง 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553           -  สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 1.55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%           -  ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม 2555เพิ่มขึ้น 24,000 ราย มาอยู่ที่ 399,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 375,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 7,750 ราย สู่ระดับ 381,750 ราย ขณะที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 เพิ่มขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 3.63 ล้านราย           -  กระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขาดดุลงบประมาณในเดือนธันวาคม 2554 เพิ่มขึ้นสู่ 8.597 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้นจาก 7.813 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมปี 2553 มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 8.10 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ   ยุโรป: สหภาพยุโรป           -  นายเดวิด ไรลีย์ หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับประเทศของบริษัทฟิทช์ เรทติงส์ กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ควรเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในยูโรโซนเพื่อช่วยเหลืออิตาลีและสกัดการล่มสลายของสกุลเงินยูโรที่อาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง           -  ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.0 % ต่อไป ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปรับตัวสมาชิกคณะกรรมการในสัปดาห์ที่แล้วโดยขณะนี้นายปีเตอร์ แพรท ซึ่งเป็นชาวเบลเยียมได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการชุดนี้แทนที่นายเจอร์เกน สตาร์ค   เยอรมนี           -  สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี รายงานว่าเศรษฐกิจเยอรมนีชะลอการขยายตัวลงจาก 3.7% ในปี 2553 เหลือ 3% ในปี 2554 ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีไตรมาส 4 ปี 2554 หดตัว 0.25% เนื่องจากภาคส่งออกของเยอรมนีได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะของหลายประเทศในยูโรโซน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของเยอรมนี ทั้งนี้ ธนาคารกลางเยอรมนีคาดการณ์เศรษฐกิจเยอรมนีปี 2555 ขยายตัว 0.6% ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีคาดการณ์ไว้ที่ขยายตัว 1%   อังกฤษ           -  ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ เพราะความวิตกกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแอและวิกฤตหนี้ยูโรโซน พร้อมกันนี้ยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 2.75 แสนล้านปอนด์           -  สหพันธุ์ผู้ค้าปลีกของอังกฤษ (British Retail Consortium) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อของสินค้าประเภทค้าปลีกลดลงจาก 2% (y-o-y) ในเดือนพฤศจิกายน 2554 เหลือ 1.7% ในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เนื่องจากร้านค้าต่างๆ ปรับลดราคาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการจ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่   อิตาลี           -  นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี กล่าวยกย่องความพยายามในการปฏิรูปอิตาลี หลังพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ซึ่งเดินทางเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยนางแมร์เคลระบุว่า มาตรการรัดเข็มขัดที่อิตาลีใช้จะช่วยให้อิตาลีแข็งแกร่งขึ้นและมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น   ฮังการี           -  นายออลลี เรนห์ สมาชิกคณะกรรมาธิการฝ่ายเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า อียูอาจจะตัดความช่วยเหลือฮังการี เนื่องจากฮังการีไม่ได้ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการยอดขาดดุลงบประมาณ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฮังการีไม่ใช่สมาชิกกลุ่มยูโร จึงไม่ถูกคว่ำบาตรทางการเงิน แต่อาจจะถูกระงับสิทธิรับช่วยเหลือด้านอื่นๆ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งก็คือตั้งแต่เดือนมกราคม 2556   เอเชีย: จีน           -  อัตราเงินเฟ้อของจีนลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนธันวาคมส่งผลให้มีโอกาสมากขึ้นในการที่ทางการจีนจะออกมาตรการเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้น โดยสำนักงานสถิติของจีนรายงานว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของจีนเพิ่มขึ้น 4.1% จากเดือนเดียวกันปีก่อน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจโดย Bloomberg ที่คาดการณ์ไว้ที่ 4% แต่ต่ำกว่าเดือนพฤศจิกายนที่ขยายตัว 4.2%   เวียดนาม           -  ผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนามกล่าวว่าธนาคารกลางเวียดนามอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปอยู่ในระดับที่เหมาะสมยิ่งขึ้นหลังจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง โดยเขาคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะต่ำกว่า 12% โดยมองว่าหากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 8.5-9% จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลังจากในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 18.13% ทั้งนี้ค่าเงินของเวียดนามอ่อนค่าลง 7.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปีก่อน โดยทางการเวียดนามได้ปรับลดค่าเงินลง 7% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทั้งนี้ธนาคารกลางเวียดนามลดอัตราดอกเบี้ย repurchase rate มาอยู่ที่ 14 % จาก 15 % เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา   ญี่ปุ่น           -  ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยเงินกู้โดยเฉลี่ยต่อวันของธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ ขยายตัว 0.5% ในเดือนธันวาคมจากเดือนเดียวกันปีก่อน แตะระดับ 395.83 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 เนื่องจากความต้องการเงินกู้ของภาคเอกชนในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้รายงานของบีโอเจระบุว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศฯปรับตัวลดลง 1% แตะระดับ 196.72 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 26 ขณะที่ธนาคารระดับภูมิภาคมีการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 199.11 ล้านล้านเยน ส่วนยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารสหกรณ์ หรือ \"shinkin\" เพิ่มขึ้น 0.4% แตะที่ 458.24 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2   ไทย           -  ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 63.1 จากระดับ 61.0 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นในทุกรายการเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย พร้อมกับมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูหลังน้ำท่วมเชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปี 2555 ขยายตัวได้ 4-5% โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 64.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 92.1 อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่า 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่มั่นใจสถานการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง           -  ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติให้เรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ กบง. ยังเห็นชอบให้มีการออกประกาศกระทรวงในการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ในวันที่ 16 มกราคมนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป รวมถึงเห็นชอบให้ บมจ.ปตท.(PTT) เข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรถขนส่งสาธารณะทุกประเภทที่ใช้ NGV เช่น รถแท๊กซี่ รถตู้ รถร่วมขสมก. รถตุ๊กตุ๊ก  เป็นต้น ยกเว้นรถบรรทุก ที่จะสามารถได้รับบัตรส่วนลดNGV ของ ปตท.ตั้งแต่เดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม จนถึง 2 บาทต่อกิโลกรัม           -  สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง รายงานว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2555 (ต.ค.2554 - ธ.ค. 2554) ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยจัดเก็บรายได้รวม 396,150 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 13,672 ล้านบาท หรือ 3.6% เป็นผลจากการจัดเก็บและนำส่งรายได้ของ กรมสรรพากร รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น สูงกว่าประมาณการ รวมถึงการคืนภาษีของกรมสรรพากรต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้   Money Market           -  บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัส (12 ม.ค.)ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเอเซียส่วนใหญ่รวมทั้งเงินบาทในช่วงเช้าวันนี้ โดยวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ลดลงจากการที่ข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นชี้ถึงผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยุโรปและการแข็งค่าของเงินเยนในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีไตรมาสที่ 4 ที่หดตัว 0.25% และการคาดการณ์ข้อมูลผลผลิตยุโรปเดือนพฤศจิกายนว่าจะหดตัวก็ส่งผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเซียวันนี้ อย่างไรก็ดีในช่วงตลาดสหรัฐฯค่าเงินดอลลาร์ฯอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับบาท           -  เยน/ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัส (12 ม.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยนในช่วงเช้าวันนี้ ทั้งนี้วันนี้กระทรวงการคลังญี่ปุ่นแถลงว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นเดือนล่าสุดลดลง 86% จากเดือนเดียวกันปีก่อนจากผลของวิกฤติหนี้ยุโรปและการแข็งขึ้นมากของค่าเงินเยนในช่วงที่ผ่านมา โดยในช่วงบ่ายของตลาดเอเซียค่าเงินเยนได้อ่อนค่าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะแข็งขึ้นอีกในช่วงตลาดสหรัฐฯ           -  ยูโร/ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัส (12 ม.ค.) ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมธนาคารกลางยุโรปวันนี้จะไม่มีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ แม้รายงานดัชนีเศรษฐกิจจะชี้ว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ euro จะประสบความยากลำบากในการฟื้นตัว ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าข้อมูลผลผลิตยุโรปเดือนพฤศจิกายนจะหดตัว ขณะเดียวกันการขายพันธบัตรของสเปนและอิตาลีในวันนี้ก็ส่งผลลบต่อแนวโน้มค่าเงินยูโร โดยนักลงทุนกังวลว่าประเทศในกลุ่ม euro จะประสบความยากลำบากในการระดมเงินทุน   Capital Market           -  ตลาดสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัส (12ม.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดสูงขึ้นเล็กน้อยวันนี้โดยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศวันนี้ส่วนใหญ่ชี้ไปในทางลบขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการประมูลพันธบัตรยุโรป           -  ตลาดหุ้นเอเชีย เมื่อวันพฤหัส (12ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ลดลงในช่วงเช้าวันนี้หลังจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นแถลงว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นเดือนล่าสุดลดลง 86%จากเดือนเดียวกันปีก่อน โดยสาเหตุมาจากเงินเยนที่แข็งขึ้นและวิกฤติหนี้ยุโรป ขณะเดียวกันข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีไตรมาส 4 ที่หดตัว 0.25% จากไตรมาสก่อนหน้าก็ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นโดยรวมเช่นกัน  ทั้งนี้แม้ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อจีนเดือนธันวาคมที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จะส่งผลบวกให้ตลาดคาดการณ์ว่าทางการจีนจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม โดยวันนี้ดัชนีนิกเกอิ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต และดัชนีฮั่งเส็ง ปิดตลาดลดลง 0.74%, 0.04% และ 0.30% ตามลำดับ           -  ตลาดหุ้นไทย เมื่อวันพฤหัส (12 ม.ค)ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ดีโดยภาพรวมในวันนี้ดัชนีฯยังเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆเช่นเดียวกับเมื่อวันพุธ โดย SET INDEX ปิดตลาดที่ 1,052.23 เพิ่มขึ้น 0.6 จุด            โดย สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 13 มกราคม  2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook