นักดื่มมีเสียว เสี่ยงป่วย "กระดูกหัวสะโพกตาย"

นักดื่มมีเสียว เสี่ยงป่วย "กระดูกหัวสะโพกตาย"

นักดื่มมีเสียว เสี่ยงป่วย "กระดูกหัวสะโพกตาย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อประชากรไทยมีอายุยืนเพิ่มขึ้น และเป็นสัดส่วนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพจึงพบได้มากขึ้น

เช่นเดียวกับโรคที่ทำให้เกิดข้อสะโพกเสื่อมแม้ว่าจะพบได้บ่อยในประชากรไทยแต่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงได้

นพ.พิธิณัฎฐ์ มังคลานนทชัย ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลธนบุรี 2 อธิบายว่า ภาวะกระดูกหัวสะโพกตาย เป็นโรคหนึ่งที่พบบ่อยที่ทำให้เกิดภาวะข้อสะโพกเสื่อมในคนไทย ช่วงอายุ 40-65 ปีโดยที่เซลล์กระดูกในหัวสะโพกมีการตายลง จากการขาดเลือดไปเลี้ยงที่เซลล์กระดูกส่งผลให้กระดูกที่ตายยุบตัว และเกิดข้อเสื่อมตามมา

อาการสำคัญ ที่จะนำผู้ป่วยมาพบแพทย์ คือ ปวดขาหนีบ ปวดสะโพก หรือหน้าขา ที่ต้องระวังคือบางราย มีอาการปวดไปที่เข่า ทำให้ไปรักษาอาการปวดเข่าอยู่นาน จนหัวสะโพกยุบตัว ทำให้ขาสั้นลง หรือ เดินกะเผลกได้

ส่วนใครบ้างที่เสี่ยงจะเป็นโรคนี้ ?

- ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ

- ผู้ที่ทานยาที่มีสเตียรอยด์เป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือ ผู้ที่ซื้อยาทานเอง แบบยาลูกกลอน ยาต้มที่อ้างสรรพคุณรักษาได้ทุกโรค

- มีประวัติได้รับอุบัติเหตุรุนแรงที่ข้อสะโพกมาก่อน เช่น ข้อสะโพกหลุด หรือ ข้อสะโพกหัก
- โรคอื่นๆที่สัมพันธ์กับการเกิดกระดูกหัวสะโพกตาย เช่น SLE, Caisson disease, Sickle cell anemia

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยตรวจทางรังสี (X-RAY)โดยมีระยะการดำเนินโรค แบ่งออกเป็น 4 ระยะ

1.ระยะที่ไม่มีอาการ ไม่พบความผิดปกติจากX-ray แต่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

2.ระยะที่เริ่มมีการปวด เนื่องจากมีการตาย,หักของกระดูกด้านในหัวสะโพก

3.ระยะหัวสะโพกยุบตัว ทำให้มีขาสั้นลง และการเคลื่อนไหวของข้อสะโพกลำบาก

4.ระยะเบ้าสะโพกเสื่อม มักมีการปวดมากจนเดินกะเผลก

ภาวะกระดูกหัวสะโพกตาย สามารถพบว่าเป็นสองข้างได้ 20% ซึ่งในระยะแรก สะโพกข้างที่เป็นน้อยอาจจะยังไม่มีอาการ และไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจทางรังสี จึงต้องอาศัยการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(MRI) ซึ่งเห็นความผิดปกติได้ละเอียดกว่า ทำให้สามารถเริ่มการรักษาได้เร็ว เพื่อเก็บหัวสะโพกเดิมไว้ได้

นพ.พิธิณัฎฐ์ กล่าวว่า การรักษา ขึ้นกับระยะของโรค โดยระยะที่ 1-2 สามารถรักษาโดยการผ่าตัดระบายความดันในหัวสะโพก เพื่อรักษาหัวสะโพกเดิมไว้ โดยในช่วงแรกหลังผ่าตัด จะต้องใช้ไม้ค้ำยันเพื่อไม่ลงน้ำหนักที่สะโพกข้างนั้น ให้สะโพกข้างนั้นได้มีการฟื้นฟูสภาพและลดโอกาสการยุบตัวของกระดูกหัวสะโพก

ระยะที่ 3-4 เมื่อหัวสะโพกมีการยุบตัวหรือเสื่อมแล้ว การรักษาจะเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมซึ่งถือว่าเป็นการผ่าตัดที่ให้ผลการรักษาที่ดีมากในปัจจุบัน

โดยสรุปการรักษาหลักเป็นการผ่าตัดเนื่องจากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดเช่นการไม่ลงน้ำหนักขาข้างที่เป็นโดยใช้ไม้ค้ำยัน, การทานยาไม่สามารถหยุดการดำเนินโรคได้ ทำให้หัวสะโพกมีการยุบตัว และเกิดข้อสะโพกเสื่อมตามมา และยาบางตัวยังไม่มีข้อมูลวิจัยสนับสนุนการใช้มากพอ ทำให้แนวทางการรักษาในปัจจุบัน จึงแนะนำไปในทางการผ่าตัดรักษา ซึ่งขึ้นกับระยะของโรคขณะที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook