เลิกเป็น Yes man! ปฏิเสธงานอย่างไรให้ดูมืออาชีพ

หลายคนมักกลายเป็น Yes man ที่ตอบรับทุกงานจนเหนื่อยล้า ไม่มีเวลาของตัวเอง แถมงานยังไม่ตรงกับเป้าหมายจริงๆ การ ปฏิเสธงานอย่างมืออาชีพเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้คุณจัดการงานได้อย่างมีคุณภาพและรักษาความสัมพันธ์ได้ดี บทความนี้มีเทคนิคที่ช่วยให้การปฏิเสธดูน่ารักและมืออาชีพ
ทำไมต้องกล้าปฏิเสธงานบ้าง
การรับงานมากเกินไป อาจทำให้คุณเหนื่อยล้า งานขาดคุณภาพ และเสียสมดุลชีวิต การกล้าพูดว่า "ไม่" ช่วยให้คุณโฟกัสกับสิ่งสำคัญจริงๆ และสร้างผลงานที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ การปฏิเสธงานไม่ได้แปลว่าคุณหยิ่งหรือขี้เกียจ แต่คือการเคารพเวลาและทรัพยากรของตัวเอง
เมื่อไรควรปฏิเสธงาน
- งานไม่ตรงกับเป้าหมายของคุณ
- งานเกินขีดจำกัดที่คุณรับได้
- งานขัดกับคุณค่าหรือหลักการส่วนตัว
- คุณไม่ถนัดจริงๆ และไม่อยากรับเพียงเพื่อเอาใจ
วิธีปฏิเสธงานอย่างมืออาชีพ ไม่ให้น่าเกลียด
- ขอบคุณและให้เกียรติอีกฝ่ายก่อน
เริ่มต้นด้วยการขอบคุณสำหรับโอกาส เช่น “ขอบคุณมากสำหรับข้อเสนอที่น่าสนใจนี้นะคะ” - อธิบายเหตุผลอย่างจริงใจ แต่ไม่ต้องลงลึกเกินไป
ตัวอย่างเช่น “ตอนนี้งานที่ทำอยู่ค่อนข้างแน่น และกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่เต็มที่” - แสดงความเสียดายและยินดีสนับสนุนในโอกาสถัดไป
“เสียดายมากจริงๆ ค่ะ ถ้ามีโอกาสหน้า อยากร่วมงานด้วยแน่นอนค่ะ” - เสนอทางเลือกหรือแนะนำคนที่เหมาะสม
อาจแนะนำคนอื่นที่มีความสามารถ คืออยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับเนื้องาน เช่น “ถ้าสนใจ ลองติดต่อคุณ A ได้นะคะ น่าจะตอบโจทย์งานนี้ได้ดีค่ะ” - มั่นใจและใจเย็น ไม่ต้องรู้สึกผิด
การปฏิเสธไม่ใช่เรื่องผิด คุณมีสิทธิ์จัดการเวลาและเลือกงานที่เหมาะกับตัวเองได้
ข้อควรระวังในการปฏิเสธงาน
- หลีกเลี่ยงการปฏิเสธแบบห้วนๆ เช่น “ไม่ว่างค่ะ” หรือ “ไม่เอาค่ะ”
- อย่าโกหกเกินจริง เพราะถ้าจับได้ อาจทำให้เสียความน่าเชื่อถือ
- อย่าใช้ข้ออ้างที่ฟังแล้วดูแข็งจนเกินไป เช่น “ไม่อยากทำ” หรือ “ไม่ชอบงานนี้”
การปฏิเสธงานอย่างมีศิลปะไม่ใช่การตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นการสร้างความชัดเจนและเคารพซึ่งกันและกัน รู้จักปฏิเสธเมื่อจำเป็น แล้วคุณจะมีเวลาสำหรับสิ่งสำคัญมากขึ้น และยังรักษาภาพลักษณ์มืออาชีพไว้ได้อย่างดี