เล็งเลิกวิธี "เป่า" ใช้คอมพ์วัด"เมาแล้วขับ"

เล็งเลิกวิธี "เป่า" ใช้คอมพ์วัด"เมาแล้วขับ"

เล็งเลิกวิธี "เป่า" ใช้คอมพ์วัด"เมาแล้วขับ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทีมนักวิจัยจากประเทศกรีซ พัฒนาคอมพิวเตอร์อัลกอริธึ่มที่สามารถป้อนข้อมูลให้เรียนรู้และสามารถจำแนก "ขี้เมา" ได้แล้ว ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถนำมาพัฒนาเป็นอุปกรณ์สำหรับการตรวจวัดระดับความมึนเมาของคนขับรถแทนวิธีการเป่าเพื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในแบบเดิม หรือสามารถประยุกต์ใช้ติดตั้้งไว้ในรถยนต์ หรือเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่จะไม่ทำงานถ้าหากผู้ขับหรือผู้ควบคุมอยู่ในสภาพมึนเมา

ทีมวิจัยอาศัยอาสาสมัครจำนวน 41 คน มาเป็นตัวอย่างให้ใช้กล้องที่จับภาพด้วยความร้อนถ่ายภาพใบหน้าทั้งก่อนหน้าและหลังการดื่มไวน์ 4 แก้ว จากนั้นตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ซึ่งแม้ว่าแต่ละคนจะมีระดับความเมาแตกต่างกันออกไป แต่ทุกคนมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่อย่างน้อย 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับที่กฎหมายไทยอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ได้ สัดส่วนของแอลกอฮอล์ที่ระดับ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์นี้ สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะขับรถไปมีอุบัติเหตุสูงขึ้นกว่าคนที่ไม่เมาถึง 38 เปอร์เซ็นต์

หลังขั้นตอนดังกล่าว ทีมวิจัยใช้เน็ตเวิร์กประสาทเทียมที่พัฒนาขึ้น เปรียบเทียบเม็ดสีบนใบหน้าของแต่ละคนตอนที่ไม่เมาและตอนที่เมาชนิดไล่ที่ละพิกเซล (เม็ดสี) และพบว่า พื้นที่บนใบหน้าส่วนที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในการวัดสภาวะมึนเมาของแต่ละคนคือการวัดอุณหภูมิบริเวณหน้าผากและจมูก โดยพบว่าอัลกอริธึ่มที่พัฒนาขึ้นมีความแม่นยำในการบ่งชี้ตัวคนเมาได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แม้จะใช้กับคนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการพัฒนาระบบก็ตามที

ข้อดีของระบบนี้ก็คือ สามารถใช้กับคนจำนวนมากได้ ทำให้นอกจากป้องกัน "เมาแล้วขับ" แล้วยังสามารถใช้ป้องกัน "ฮูลิแกน" ด้วยการแยกตัวออกมาก่อนก่อเหตุได้อีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook