9 นิสัยที่ต้องปรับเพื่อเป็นมนุษย์เงินเดือนเวอร์ชันอัปเกรด
มีอยู่สารพัดวิธีที่เป็นเคล็ดลับสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพื่ออัปเกรดเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เจ๋งขึ้นกว่าเดิม เพื่อก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งเคล็ดลับที่ว่านี้ไม่ได้เป็นความลับและไม่ได้ทำยาก เพราะมนุษย์เงินเดือนเวอร์ชันอัปเกรดล้วนมีนิสัยหรือพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายคลึงกันทั้งการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน พฤติกรรม 9 ข้อนี้เองที่เป็นเคล็ดลับที่ว่า ควรลองนำไปฝึกให้เป็นนิสัยดู แล้วประเมินว่าตัวเองพัฒนามาได้มากแค่ไหน
1. รู้จักวางแผนระยะยาว
ในยุคที่การแข่งขันสูง การวางแผนระยะสั้นอาจไม่พออีกต่อไป แผนในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจจะทำให้ทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพเท่าไรนัก เพราะยังไม่ได้วางแผนล่วงหน้าที่ไกลตัวออกไป ดังนั้น ควรรู้จักวางแผนให้กับชีวิตตัวเอง ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แผนระยาวอาจจะมองยาวไป 10 ปีข้างหน้า หรือจะมองไปทีละปี ทีละ 5 ปี ก็ได้ ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เมื่อวางแผนสำหรับอนาคตแล้ว ต้องติดตามความคืบหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในระยะยาว
2. สื่อสารได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
มีปฏิกิริยาในการตอบสนองทันที ไม่ว่าจะเป็นอีเมล โทรศัพท์ หรือคำขออื่นจากหัวหน้างาน เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกค้า ยิ่งตอบสนองเร็วไร ก็เท่ากับสร้างโอกาสในการปิดการขายมากกว่าคนอื่น ที่สำคัญคือเมื่อคุณสามารถตอบสนองต่อหัวหน้า เจ้านาย ลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงานอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นำมาซึ่งความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ ทั้งนี้ต้องเป็นคนที่สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
3. ใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด
การวางแผนเรื่องการเงินเป็นสิ่งสำคัญ จึงจำเป็นมากที่ต้องควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเข้มงวดแบบอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บมาก ๆ หรืออยากได้อะไรก็ได้แต่ข่มใจ คุณสามารถให้รางวัลตัวเองได้ เพียงแต่หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่มากเกินไปหรือไม่จำเป็นออกไป ในยุคที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ต้องวางแผนรายรับ รายจ่าย และหนี้สิน นอกจากนี้ ศึกษาเรื่องการลงทุนไว้บ้างก็ดี เพื่อต่อยอดเงินให้งอกเงย
4. กำหนดกิจวัตรประจำวัน
คุณควรกำหนดกิจวัตรที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอจนเป็นนิสัยในแต่ละวัน ให้เป็นกำหนดการของตัวเอง เช่น ทุกเช้าจะต้องเช็กอีเมลก่อน หรือลองพิจารณางาน 3 อย่างที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำในวันนั้น ๆ จัดลำดับความสำคัญของงานตามความสำคัญและความเร่งด่วน วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิจดจ่อได้ตลอดวัน รู้ว่าต่อไปต้องทำอะไร และหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่รบกวนสมาธิได้
5. ตั้งเป้าหมายท้าทายตัวเอง
การท้าทายตัวเองคือช่วยสร้างความกระตือรือร้นให้กับตัวเองได้ ตั้งเป้าว่าจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เต็มความสามารถที่สุด หากทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจสูงสุดแล้ว ทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางของมันได้เอง ที่สำคัญ มันท้าทายตัวคุณเองว่าคุณจะทำได้ดีที่สุดแค่ไหน เรียกความกระตือรือร้นหรือความตื่นเต้นของตัวเองทุกครั้งที่ต้องเริ่มงานชิ้นใหม่หรือเมื่อเผชิญความยากลำบาก เต็มที่กับความท้าทายใหม่ ๆ แล้วดูว่าได้ผลลัพธ์เชิงบวกอย่างไร
6. อ่าน!
แม้ว่าปัจจุบันจะมีโซเชียลมีเดียไว้ติดตามข่าวสาร แต่จะดีกว่านะ ถ้ายังพยายามเสพข่าวจากหนังสือพิมพ์ ประการแรกเพราะมันเป็นสื่อสิ่งพิมพ์อย่างเป็นทางการ ประการต่อมาคือข้อเท็จจริงที่ลึกซึ้งกว่า ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้คุณได้รู้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ยังทำให้คุณสามารถนำไปใช้เป็นหัวข้อในการสนทนากับเพื่อนร่วมงานได้อย่างมืออาชีพด้วย ในช่วงเย็น ก็หาหนังสือดี ๆ สักเล่มเพื่อใช้ผ่อนคลายตัวเอง จำไว้ว่าคนที่อ่านมาก ย่อมรู้มาก รู้มากก็เป็นผู้นำ ทั้งอาจได้เรียนรู้กลยุทธ์ ข้อคิด หรือเครื่องมือดี ๆ จากตัวหนังสือมาปรับใช้ในชีวิตก็ได้
7. อย่าหยุดสร้างเครือข่าย
การที่คุณรู้จักคนเยอะ รู้จักคนจากหลายแวดวงหลายสายงาน คุณมีโอกาสที่จะได้สร้างสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากกรอบของตัวเอง ในอนาคตอาจได้เชื่อมสัมพันธ์ในรูปแบบของการพึ่งพากัน เพราะส่วนใหญ่การทำงาน การทำธุรกิจก็มักจะรู้จักกันเป็นเครือข่ายอยู่แล้ว ฉะนั้น อย่าหยุดที่จะขยายเครือข่าย สร้างความชอบพอและความไว้วางใจ กับบุคคลต่าง ๆ อย่าปิดกั้นตัวเองจากการเข้าสังคม ลองเข้าร่วมกิจกรรมองค์กรวิชาชีพ สมาคมต่าง ๆ หรืองานอาสาสมัครก็ได้ จะได้รู้จักคนมากขึ้น
8. คิดอย่างสร้างสรรค์
ในการทำงานควรมีไอเดียใหม่ ๆ แนวทางใหม่ ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับใช้ในการทำงานอยู่เสมอ เราไม่มีทางได้ผลลัพธ์ใหม่จากวิธีการเดิม ๆ การลองเสี่ยงทำอะไรที่ไม่คุ้นเคยดูบ้างไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือน่ากลัวอย่างที่คิด เพราะระหว่างนั้นคุณอาจได้วิธีคิดใหม่ ๆ หรือสิ่งที่คาดไม่ถึงกลับมา คิดนอกกรอบ ก้าวข้ามคอมฟอร์ทโซนของตัวเองไปหาความตื่นเต้น ความเสี่ยง โดยที่ต้องพร้อมรับมือความล้มเหลวด้วยทัศนคติเชิงบวก
9. อย่าลืมดูแลตัวเอง
หากคุณต้องการที่จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด ต้องเริ่มจากการดูแลตัวเอง นอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมง เพื่อเริ่มเช้าวันใหม่อย่างสดชื่น ออกกำลังกายเป็นประจำทุกสัปดาห์ ให้ร่างกายกระฉับกระเฉง มีสมาธิ และพร้อมรับมือกับความเครียด รวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างเวลางานกับชีวิตส่วนตัว เจียดเวลาสักเล็กน้อยทำอะไรที่บันเทิงใจบ้าง โดยกำหนดลงไปในตารางกิจวัตร เพื่อที่จะได้ทำตามตารางและไม่เพลิดเพลินเกินไป การได้พักผ่อน ทำกิจกรรมรื่นเริงบันเทิงใจ นำมาซึ่งความพึงพอใจและความสุข ทั้งยังทำให้เมตตาต่อเพื่อนร่วมงานและตัวเองมากขึ้นด้วย