เรียนรู้แบบ 70-20-10 คืออะไร และประโยชน์ที่ได้

เรียนรู้แบบ 70-20-10 คืออะไร และประโยชน์ที่ได้

เรียนรู้แบบ 70-20-10 คืออะไร และประโยชน์ที่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปกติแล้ว หากพูดถึงการเรียนรู้หรือพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ในการทำงาน ภาพของการเข้าคอร์สฝึกอบรมมักจะปรากฏขึ้นมาเป็นภาพแรก ๆ เรียนรู้นู่นนั่นนี่ที่คิดว่าจะมีประโยชน์ สามารถนำมาปรับให้เข้ากับการทำงานได้ แต่จริง ๆ แล้ว การเสียเวลานั่งอบรมให้จบหลักสูตร จะสามารถนำมาประยุกต์ในงานได้มากน้อยแค่ไหน ทำได้จริงหรือไม่ ทฤษฎีหรือการปฏิบัติที่อบรมมาจะเข้ากับงานที่ทำจริง ๆ หรือไม่ และจะทำให้ได้ผลลัพธ์อย่าที่คาดหวังหรือเปล่า

ฉะนั้น จะไม่ดีกว่าหรือ หากเรียนรู้การทำงานจากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจริง ๆ อย่างน้อยที่สุด มันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากงานที่ทำจริง ๆ ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ขึ้นมาหรือการยกตัวอย่าง วิธีที่ได้ประสิทธิภาพที่สุดในการเรียนรู้ คือการผ่านงานที่ท้าทายในทุก ๆ วัน การเข้าสังคมกับผู้อื่นรอบ ๆ ตัว และหากอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ไปหาวิธีศึกษาเพิ่มเติมเอา นีีคือการเรียนรู้ด้วยสูตร 70-20-10

คนที่จะก้าวหน้าได้ คือคนที่รู้จักพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะการย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้ทำให้เราไปไหนเลย

แนวคิดการเรียนรู้สูตร 70:20:10 คืออะไร
70-20-10 เป็นสูตรการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาตนเอง ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1980 โดยทีมนักวิจัยของ Center for Creative Leadership (CCL) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไร สูตรนี้คิดขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะสร้างและพัฒนาบุคลากรในองค์กร สูตรนี้จะแบ่งวิธีการเรียนรู้ออกเป็น 3 ส่วน คือ

70 เปอร์เซ็นต์ เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงาน
แม้ว่าการทำงานหลาย ๆ งานจะมีลักษณะคงที่ วนลูปเดิม จึงไม่มีอะไรไรใหม่ ๆ เข้ามาท้าทาย การเรียนรู้ก็ไม่มีอะไรที่ต่างจากเดิม แต่เราก็สามารถสร้าง Challenge ขึ้นมา แล้วยึดเป็นหลักในการเรียนรู้การทำงาน ซึ่งการสร้าง Challenge นี้อาจมาจากการที่ตัวพนักงานท้าทายตัวเอง หรือจะเป็นการสร้างขึ้นจากหัวหน้างานก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องมี Feedback ด้วยจึงมีผลต่อการพัฒนา จะได้นำเอาข้อเสนอแนะนั้นไปต่อยอดและพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น

20 เปอร์เซ็นต์ เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับผู้อื่น
การได้พบปะ และพูดคุยกับคนอื่น ๆ เป็นการเปิดโลกที่ดีมากอย่างหนึ่ง เพราะเราจะได้รู้ว่าคนอื่นมองโลกแบบไหน คิดอย่างไร ไม่หลงวังวนอยู่แต่ความคิดความเชื่อของตัวเอง ที่สำคัญ คนอื่นยังช่วยให้เรามองเห็นตัวเองได้ชัดเจนขึ้น การมองตัวเราเองผ่านสายตาของคนอื่น เราจะเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้ตัวเองหรือมองข้ามไปได้ และการทำงานร่วมกับทีมงานแต่ละคนที่มีความสามารถความถนัดไม่เหมือนกัน เราก็จะได้เรียนรู้การทำงานในลักษณะนั้นจากคนอื่น

10 เปอร์เซ็นต์ เรียนรู้จากการเรียน การศึกษาหาความรู้
หรือก็คือการขวนขวายของตัวเองเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ โลกเปลี่ยนไปทุกวัน ความรู้หรือทักษะที่มีอาจจะไม่เพียงพอที่จะแข่งขันหรือไม่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ ที่เทคโนโลยีจ่อเข้ามาเตรียมแทนที่ตบอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การเข้าสัมมนา การเรียนแบบครูพักลักจำ ปรึกษาจากคนที่มีประสบการณ์ การเข้าคอร์สอบรมเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเองสนใจ และคิดว่าจะมีประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต ในยุคสมัยนี้สะดวกสบายกว่าสมัยก่อน เพราะจะเรียนแบบ Online หรือ Offline ก็ได้ จะช่วยเพิ่มพูนความสามารถในการแข่งขันในระบบได้

ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนรู้แบบ 70-20-10
1. ตอบโจทย์การเรียนรู้ที่แตกต่าง

โลกไม่เคยหยุดนิ่ง ปัจจัยภายนอกและภายในจึงเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา การเรียนรู้แบบตายตัวไม่ตอบโจทย์กับโลกการทำงานอีกแล้ว เพราะไม่ส่งผลลัพธ์ให้ได้งานอย่างที่คาดหวัง และจะพ่ายแพ้ต่อระบบการแข่งขันเอาได้ การเรียนรู้แบบ 70-20-10 ค่อนข้างยืดหยุ่นกว่า นำไปปรับใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น การทำงานของพนักงานรายบุคคล เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงผลลัพธ์การทำงานของพนักงาน สนับสนุนความต้องการการเรียนรู้ที่หลากหลาย และผลลัพธ์ในงานที่แตกต่างกันไป

2. ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความสร้างความสัมพันธ์ของพนักงาน

เนื่องจากรูปแบบการเรียนรู้ต้องอาศัยการเรียนรู้จาก 3 แหล่ง ผ่านประสบการณ์ทำงานของตนเอง 70 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการเข้าสังคมและทำงานร่วมกับผู้อื่น 20 เปอร์เซ็นต์ และผ่านการขวนขวายด้วยตัวเองอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการเรียนรู้ 20 เปอร์เซ็นต์ที่ว่า เราจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นในทีม แลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์ หรือทักษะต่าง ๆ ร่วมกันระหว่างที่ทำงาน การสนับสนุนวิธีการเรียนรู้ 70-20-10 ทำให้พนักงานมีส่วนร่วมในการออกแบบการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของทุกคนในทีม ระหว่างทางก็สร้างความผูกพันระหว่างพนักงานด้วย

3. ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน

ต่อเนื่องมาจากการมีส่วนร่วมของพนักงาน ในการทำงานทำงานเป็นทีม จำเป็นต้องอาศัยการแชร์ความรู้ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกคน ตรงนี้คือการสนับสนุนให้พนักงานแบ่งปัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เกิดเป็นสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นทีม เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหา พัฒนานวัตกรรมใหม่ขึ้นมาจากความคิดของทุกคน ทั้งยังส่งเสริมให้รับผิดชอบเป้าหมายที่ตนเองได้รับมอบหมาย เป้าหมายของทีม และเป้าหมายขององค์กร การโยนงานให้คนอื่นทำ หรือทำออกมาไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะทำให้กลายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารัก

4. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรระดับหัวหน้างาน

นอกจากการเรียนรู้ของเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกัน ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรระดับหัวหน้างานด้วย เพราะระดับหัวหน้าก็จำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน รวมถึงการติดตามผลงาน จึงต้องมีการกำหนดเวลาประชุม พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น การสอนงาน หรือการเสนอแนะแบบรายบุคคล เพื่อดูพัฒนาการของพนักงานแต่ละคน เรียนรู้วิธีการทำงานใหม่ ๆ ที่ได้จากการแชร์ความคิดของพนักงาน สร้างความรู้สึกปลอดภัยในทางจิตวิทยา ให้คนในทีมกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ไม่ต้องกลัวอะไร และเคารพในความคิดของผู้อื่น

5. ลดขั้นตอน เห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น

การเรียนรู้แบบ 70-20-10 แตกต่างจากการเรียนรู้ทั่วไป เพราะการเรียนรู้รูปแบบนี้เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องอาศัยการปรับตัว หลาย ๆ อย่างสามารถเรียนรู้ได้เดี๋ยวนั้นจากกงานที่ทำ จากคนที่ทำงานด้วย ไม่ต้องใช้เวลาเพื่อการจบหลักสูตรอะไร กระบวนการการเรียนรู้แบบนี้ใช้เวลาน้อย บางอย่างรู้ผลได้แทบจะทันที ได้ Feedback ทันที ปรับปรุงแก้ไขได้ทันที ทำให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook