เมื่อคนญี่ปุ่นโสดเพิ่มขึ้น! นี่คือ 4 ปัจจัยที่ทำให้คนญี่ปุ่นถึงไม่อยากแต่งงาน

เมื่อคนญี่ปุ่นโสดเพิ่มขึ้น! นี่คือ 4 ปัจจัยที่ทำให้คนญี่ปุ่นถึงไม่อยากแต่งงาน

เมื่อคนญี่ปุ่นโสดเพิ่มขึ้น! นี่คือ 4 ปัจจัยที่ทำให้คนญี่ปุ่นถึงไม่อยากแต่งงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทราบหรือไม่ ว่าปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีทั้งคนที่ไม่แต่งงานหรือไม่สามารถแต่งงานได้จำนวนมาก เป็นเหตุให้มีอัตราคนโสดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะยุคของการแต่งงานได้จบลงแล้ว หรือสำหรับใครบางคนแล้วการแต่งงานอาจจะเป็นปัญหามากกว่าความสุขสำหรับพวกเขาก็ได้ ในบทความนี้เราจะไปดูกันว่า 4 ปัจจัยที่คนญี่ปุ่นไม่แต่งงานเป็นเพราะอะไรกัน…

อัตราคนญี่ปุ่นที่ไม่แต่งงานเพิ่มมากขึ้น!

ในช่วงปี 2010 ได้มีการสำรวจชายหญิงกลุ่มอายุระหว่าง 25 -39 ปี พบว่าอัตราการแต่งงานนั้นสูงกว่าในช่วงปี 1990 แน่นอนว่าหลาย ๆ คนเมื่อถึงอายุที่เหมาะสมย่อมคิดถึงเรื่องการแต่งงาน แต่มีคนบางกลุ่มเริ่มรู้สึกว่า “ฉันจะไม่แต่งงาน” หรือบางกลุ่มก็อยู่ในเงื่อนไขที่ “ไม่สามารถแต่งงานได้” และมีปัจจัยภายนอกด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ทำให้อัตราคนโสดเพิ่มสูงขึ้นจากอดีต ปัจจัยที่ว่าเหล่านี้มีอะไรบ้าง

1. ความก้าวหน้าทางสังคมของผู้หญิง

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มีคนโสดในสังคมญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นคือ ความก้าวหน้าทางสังคมของผู้หญิง นานมาแล้วที่สังคมคนญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องมีหน้าที่ทำงานบ้านและเลี้ยงลูก แน่นอนว่าสิ่งไหนที่ปฏิบัติกันในคนหมู่มากย่อมถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าในสังคมสมัยใหม่ของญี่ปุ่น การเลือกปฏิบัติทางเพศได้ลดช่องว่างลง ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายได้รับสิทธิ์ที่เท่าเทียมกันมากขึ้น ผู้หญิงได้ออกมาทำงานนอกบ้านมากขึ้น จากที่เราจะเห็นได้จากบริษัท โรงงาน หรือร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ มีผู้หญิงที่ทำงานเหมือนกับผู้ชายเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้ผู้หญิงหลายคนรู้สึกภูมิใจและรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง

เมื่อผู้หญิงสามารถทำงานได้หลากหลายและได้รับโอกาสมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือพวกเธอจะคิดถึงแต่เรื่องงานเป็นหลัก จนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องแต่งงาน แทนจะกังวลเรื่องรายได้ของผู้ชายว่าจะพอใช้จ่ายในครอบครัวหรือไม่ ผู้หญิงหลายคนเลือกที่จะยืนหยัดในสังคมได้ด้วยตัวเองโดยการออกไปทำงาน และนี่คือปัจจัยแรกที่ผู้หญิงเลือกที่จะทำงานมากกว่าแต่งงานมีครอบครัว

2. การเพิ่มขึ้นของคนนิยมชีวิตโสด

ปัจจัยที่สองคือ มีคนที่นิยมชีวิตโสดเพิ่มมากขึ้น สำหรับผู้ชายหลาย ๆ คนอาจจะจินตนาการชีวิตหลังแต่งงานแบบแง่ลบไว้ อย่างเช่น “แต่งงานแล้วอิสระหายไป” “เงินเดือนทั้งหมดจะต้องเอาให้ภรรยา” “ทั้ง ๆ ที่เป็นคนทำงานหาเงิน แต่เวลาจะใช้ต้องขอภรรยา” ทำนองนี้เป็นต้น ทำให้มีความคิดสนับสนุนการเป็นโสด ไม่ว่าจะเป็น “การแต่งงานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต” “ถ้าไม่แต่งงานก็ไม่ต้องลำบาก” หรือ “เป็นโสดน่าจะมีความสุขมากกว่า” ซึ่งผู้หญิงเองก็มีความคิดคล้ายกันแบบนี้

นอกจากนี้ ยังมีคนให้ความเห็นอื่น ๆ อีก เช่น “ถ้าแต่งงานก็ต้องทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้าน” “ทุก ๆ วันต้องคอยดูแลลูกและสามี” “ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองเพื่อครอบครัว” เป็นต้น อีกทั้งบทบาทที่สำคัญที่รอผู้หญิงแทบทุกคนที่แต่งงานมีครอบครัวคือ “การคลอดลูกและทำหน้าที่แม่” ทำให้ผู้หญิงหลายคนรู้สึกว่า หลังคลอดลูก พวกเธอจะไม่มีอิสระต่อไป ด้วยอายุที่เหมาะสมในการมีลูกคือ ไม่เกิน 36 ปี ดังนั้นพวกเธอจึงคิดว่าอยากจะเป็นโสดจนถึงวินาทีสุดท้าย จึงทำให้หญิงสาวอายุช่วง 20 ปี เริ่มแต่งงานน้อยลง

3. นิยมในความรักที่มีอิสระ

หลายคน ๆ คงได้ยินเรื่อง “อยู่ก่อนแต่ง” ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนกับเป็นครอบครัว เพียงแต่ไม่มีการจดทะเบียนกันแค่นั่นเอง เพราะการบ่งบอกว่าคุณโสดหรือไม่โสดอย่างเป็นทางการนั้น คือการจดทะเบียนสมรสที่มีเอกสารยืนยัน ปัจจุบันตามเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ ๆ ของญี่ปุ่นมีคู่รักหลายคู่ที่ใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะที่ญี่ปุ่นค่อนข้างจะกังวลในเรื่องของการถูกปฏิบัติ จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะรักษาสถานภาพคงเดิมเอาไว้ จึงกลายเป็นความรักรูปแบบใหม่ที่ก้าวข้ามการเลือกปฏิบัติ ในอนาคตการคบหากันและลงเอยด้วยการแต่งงานอาจเป็นบรรทัดฐานเก่าที่จะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้

4. ช่องว่างของรายได้

ปัจจัยที่ 4 ที่ทำให้คนเป็นโสดมากขึ้นคือ ความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องของรายได้ ญี่ปุ่นในปัจจุบันที่หลาย ๆ คนคิดว่ามีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจนั้น ความจริงมีช่องว่างระหว่างรายได้ของบุคคลค่อนข้างกว้างมาก และช่องว่างของรายได้นี้ก็เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของคนที่ไม่แต่งงาน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหนุ่มสาววัย 20 ปลาย ๆ ที่ถือว่าเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการแต่งงาน ค่าเฉลี่ยรายได้ทั้งปีของคนญี่ปุ่นวัยหนุ่มสาวอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านเยนต่อปี (ราว ๆ 1 ล้านบาท = 83,000 บาทต่อเดือน) เนื่องจากความกังวลเรื่องของรายได้ ทำให้หนุ่มสาวหลายคนเลือกที่จะไม่แต่งงาน อีกทั้งสาว ๆ ญี่ปุ่นส่วนมากมักจะมองหาชายหนุ่มที่มีรายได้ต่อปีประมาณ 5 ล้านเยนขึ้นไป (ราว ๆ 1 ล้าน 6 แสนบาท = 138,000 บาทต่อเดือน) ดังนั้นผู้ชายที่มีรายได้ไม่ถึง 5 ล้านเยน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่จึงอยู่เป็นโสดค่อนข้างมาก

ไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่กังวลเรื่องรายได้ ผู้ชายเองก็เช่นเดียวกัน มีหลายคนที่คิดว่า “เงินเดือนเท่านี้เราจะสามารถเลี้ยงครอบครัวได้หรือไม่” รายได้ 3 ล้านเยนต่อปีอาจจะพอสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว แต่หากแต่งงานมีครอบครัวแล้วรายได้ยังเท่าเดิม ไหนจะต้องเตรียมตัวสำหรับการมีลูกอีก ทำให้ผู้ชายหลายคนย่อมคิดหนัก ที่ญี่ปุ่นเงินเดือนจะค่อนข้างแตกต่างกันตามเนื้อหางานและตำแหน่ง หลายคนจึงคิดว่านี่เป็นปัญหาที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ ในทางกลับกัน แม้แต่ผู้ชายที่มีรายได้สูงก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีความมั่นใจในการแต่งงาน ด้วยปัญหาที่แตกต่างกันไปส่งผลให้ประชากรของญี่ปุ่นเลือกที่จะเป็นโสดกันมากขึ้น

ปัจจัยที่ว่ามาทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงกันและทำให้อัตราการแต่งงานของคนญี่ปุ่นลดลง ประกอบกับแนวความคิดของคนญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปว่า “ถึงแม้จะเป็นโสดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย” สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อสังคมญี่ปุ่นในวงกว้างทั้งเรื่องอัตราการเกิดของเด็กที่ลดลงและอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ หากเมื่อไหร่ที่ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุมากเกินไป เมื่อนั้นการพัฒนาประเทศก็จะเป็นไปได้ยาก

สรุปเนื้อหาจาก : koimemo
ผู้เขียน : KOKATETA

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook