รู้จักชัตเตอร์มือทอง "จักร์กวินทร์ ภู่สวัสด์" ช่างภาพเวดดิ้งชอตอีโมชั่นนอล
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
หมายเหตุ : หลังเกิดกรณีดราม่า วงการช่างภาพเวดดิ้ง เมื่อทีมงานถ่ายภาพ 2 ทีม เข้าไปถ่ายงานหมั้นของนักร้อง-นักแสดง แมทธิว ดีน กับ ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา โดย 2 ทีม คือ LerkdeeProduction และ Box wedding ที่มีช่างภาพสุดฮอตขณะนี้ "จักร์กวินทร์ ภู่สวาสดิ์" กระทั่งเกิดเป็นกรณีดราม่าในโลกออนไลน์
หลายคนอาจสงสัยว่าภาพงานเวดดิ้งคนดังที่มักมีให้เห็นตามหน้าโซเชียลมีเดีย โดยมีลายเซ็น จักร์กวินทร์ ช่างภาพเป็นโลโก้ ทำให้คนไม่น้อยอยากรู้จักเขา ซึ่งประชาชาติธุรกิจได้พูดคุย สัมภาษณ์พิเศษ จักร์กวินทร์ ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557 และเคยนำมาออนไลน์ไว้ที่เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ เมื่อปลายปี 2557 ที่ผ่านมา จึงขอนำมาให้อ่านเพื่อจะได้รู้จักเขากันอีกครั้งสำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก
ใครว่าศิลปินจำต้องไส้แห้งเสมอไปสมัยนี้คงต้องทุบทิ้งแล้วหาคำจำกัดความใหม่ โดยเฉพาะอาชีพ "ช่างภาพ" ศาสตร์แห่งศิลป์แขนงหนึ่ง ซึ่งเป็นอาชีพที่ทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ยิ่งปัจจุบันนี้ช่างภาพงานแต่งงาน ถ้าจะหาแบบมือทอง ลั่นชัตเตอร์คราวละหลักแสน ไม่ได้ทำกันได้ทุกคน นอกจากมือทองแล้วยังคิวทองอีก แบบว่าต้องจองตัวล่วงหน้ากันข้ามปี
หนึ่งในช่างภาพที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำในยุคนี้ก็คือช่างภาพเวดดิ้งที่มีค่าตัวเป็นตัวเลข6หลัก(รับงานในประเทศ) ไม่ว่าจะวันพรีฯ หรือวันแต่ง คิวยาวและค่าตัวแพงมาอันดับ 1 ต้องยกให้ "จักร์กวินทร์ ภู่สวาสดิ์" หรืออาร์ม ชื่อเล่นที่ไม่ค่อยมีใครเรียก เพราะติดปากด้วยชื่อจริงที่เซ็นบนภาพมากกว่า
"ผมคิดว่าผมเป็นช่างภาพคนแรก ๆ ที่กล้าเซ็นชื่อใหญ่ขนาดนั้นอยู่บนภาพของลูกค้า (หัวเราะ) จริง ๆ ผมทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนช่างภาพจะเอาชื่อตัวเองไปแอบไว้ แต่ผมกลับมองเป็นเรื่องของความมั่นใจมากกว่าครับ ไม่ได้จะขายชื่อหรืออะไร แค่ผมมั่นใจในผลงานของตัวเอง"
หากย้อนกลับไป กว่าจะมามีวันนี้ที่เป็นช่างภาพงานสำคัญให้กับคนดังทั่วฟ้าเมืองไทย อย่างคู่ของทิพาภรณ์ เจียรวนนท์-ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์, อั้ม อธิชาติ-นัท มีเรีย และล่าสุด ดอน ธีระธาดา กับภรรยาสาวชาวเวียดนาม มีมี่ ฯลฯ ไม่ได้มาจากการจับพลัดจับผลู หรือพรสวรรค์ติดตัวมาแต่ปางก่อน เพราะเขาไม่เคยเรียนทฤษฎีการถ่ายภาพ แต่เมื่อมีโอกาสจับกล้อง DSLR เพื่อถ่ายวิดีโองานแต่งงานให้ลูกค้าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จากนั้นเป็นต้นมาก็ "ตกหลุมรัก" ยาวนานถึงปัจจุบัน
"ผมเป็นพวกที่มีทัศนคติว่า ถ้าจะทำอะไรต้องทำให้ได้ดี ก่อนหน้านี้ผมเรียนจบวิทยาการคอมพิวเตอร์และเคยทำงานกราฟิกดีไซน์ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีครับ แต่พอมาเจองานนี้มันมีความสุขที่มากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ในงานแรก ผมได้ค่าตอบแทนแค่ 2,500 บาท แต่หลังจากนั้นผมอ่านคู่มือทั้งเล่ม ฝึกหัดลองจับกล้อง ขวนขวายเก็บเกี่ยวหาประสบการณ์ทุกอย่าง นั่นรวมถึงชั่วโมงบินทางการทำงานด้วย ปีหนึ่งเราต้องทำเป็นร้อยงาน ทำให้เรียนรู้เรื่องพิธีการ กาลเทศะ การวางตัว และสำคัญที่สุดคือสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ ต้องทำจนรู้ว่าช่วงเวลาไหนของงานที่จะพีกสุด รู้อารมณ์ รู้ว่าจุดไหนหรือใครสำคัญ ถ่ายภาพงานแต่งไม่ใช่มีแค่รูปบ่าวสาว แต่ญาติและแขกเหรื่อที่มาในวันนั้นก็เป็นคนสำคัญ ทุกวินาทีก็สำคัญ เมื่อเราทำได้ เราจะเห็นอารมณ์จากภาพถ่าย ซึ่งทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เรื่องแบบนี้มันเซตไม่ได้"
ฝีมือของ "จักร์กวินทร์" ได้รับการยกย่องจากลูกค้าคู่รักว่า เขาสามารถดึงอารมณ์ ณ โมเมนต์นั้นมาบันทึกไว้ในรูปภาพได้ ด้วยการปรับแต่งภาพ ตีโจทย์ตามอารมณ์ภาพ และย้อมสีเพิ่มความชัดความรู้สึกลงไป
ดังนั้นเขาคือผู้ปลุกกระแสภาพที่มีชีวิตให้กับแวดวงเวดดิ้งของไทย ด้วยภาพถ่ายแสดงอีโมชั่นนอลและวิดีโอในรูปแบบ Cinematography หากให้จิ้มลงไปที่ผลงาน
ที่ทำให้ชื่อของ "จักร์กวินทร์" เป็นที่โด่งดังในวงกว้าง เจ้าตัวตอบว่าเป็นวิดีโองานแต่งงานของทายาทโบนันซ่า "สงกรานต์ เตชะณรงค์ กับนางเอกสาวแอฟ ทักษอร" จากนั้นมือทั้งคู่ของเขาก็แทบจะไม่ได้วางกล้องอีกเลย ทั้ง ๆ ที่เรตค่าตัวของ "จักร์กวินทร์" ต้องเรียกว่าแพงระยับ
"แน่นอนว่า ถ้าเรากล้าตั้งราคาสูง เราต้องตอบแทนให้ลูกค้าคุ้มค่าที่สุด ผมมีทีมงานที่ทุกคนรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร คิดเป็นราคาเหมา ไม่ใช่มาชาร์จราคาเพิ่มจากลูกค้าทีหลัง มันดูไม่แฟร์ เรื่องสำคัญมาก ๆ เราก็ต้องไม่ลืม เช่น ไฟล์ภาพลูกค้าหายไม่ได้เด็ดขาด เราจะต้องเก็บอย่างดี บางคนแต่งงานไป 2-3 ปี ทำภาพหาย มาขอก๊อบปี้จากเรา เราก็ยังมีเก็บไว้ เราทำงานด้วยความสามารถ ความเชื่อถือที่คนอื่น ๆ มั่นใจในทีมเรา"
อีกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะหลังมานี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า ภาพวันวิวาห์กลายเป็นส่วนที่สำคัญของการจัดงานแต่งงาน จากเมื่อก่อนช่างภาพงานแต่งเหมือนเป็นแค่ส่วนประกอบ ไม่ค่อยได้รับการยอมรับ แต่ตอนนี้ทุกคนที่มาร่วมงานอยากมีภาพน่าประทับใจกับโมเมนต์สำคัญของคู่บ่าวสาว จากเดิมที่เคยเดินผ่านตากล้องไปเฉย ๆ แต่ตอนนี้เมื่อตากล้องมาถึง ทุกคนพร้อมใจกันยิ้มให้ทันที เพราะรู้ว่าตนเองจะมีภาพสวย ๆ
ช่างภาพมือทองเล่าว่า "ผมสร้างมาตรฐานของผมเอง แต่ผมว่าคนอื่น ๆ ก็ได้ประโยชน์ด้วยนะ คือการที่ผมตั้งราคาสูง ช่างภาพคนอื่นก็สามารถตั้งได้เช่นกัน แต่ต้องเอาฝีมือและประสบการณ์มาแลก ทุกวันนี้มีตากล้องงานแต่งงานหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะเห็นว่าสามารถสร้างรายได้ที่ดี ผมเองก็ยังไม่เห็นทางตันของอาชีพนี้เลยครับ เพราะตอนนี้ถ้าจะจัดงานแต่งก็ต้องจ้างช่างภาพ แต่เมื่อราคาสูงขึ้น มาตรฐานช่างภาพก็ต้องสูงขึ้นนะ ทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าเลือก อย่างการที่ลูกค้าแต่ละรายเข้ามาหาผม ผมถือว่าเขาชอบผลงานผมแล้ว แต่สิ่งที่ยากคือก่อนหน้านั้น เราทำอะไรให้เขาเลือกที่จะเข้ามาหาเรามากกว่า ผลงานเท่านั้นที่เป็นตัวตัดสิน"
จากที่เคยตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเป็นตัวท็อปให้ได้ ตอนนี้ดูเหมือนจะถึงฝั่งฝันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างนั้น "จักร์กวินทร์" ก็ยังบอกว่า แม้ผ่านมาหลายร้อยงาน แต่ก็ไม่เคยเบื่อ ขณะเดียวกันประสบการณ์ก็ยังสอนให้เขาเห็นในสิ่งที่ขาด จึงเกิดเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ของ "จักร์กวินทร์" ที่จะเปิดสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน อีกทั้งยังจะเปิดอะคาเดมีเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การถ่ายภาพภายในปีหน้าอีกด้วย
ความสำเร็จของช่างภาพหนุ่มคนนี้ส่วนแรกคือฝีมืออีกส่วนคือตัวตนของเขาที่ทุ่มเทและจริงจังต่องานและที่สำคัญมาด "อีโก้" นั้น แทบมองไม่เห็นเลยจากช่างภาพหนุ่มคนนี้