นามบัตรญี่ปุ่น สำคัญอย่างไร บอกอะไรในตัวผู้ให้บ้าง?
บรรดามนุษย์เงินเดือน คงจะคุ้นเคยกันดีกับ “นามบัตร” สิ่งเล็กน้อยที่มีบทบาทสำคัญยิ่งสำหรับการนัดพบพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่โตเพียงใดก็ตาม เป็นต้องเตรียมไว้ให้พร้อม หยิบแลกได้สะดวก เป็นประตูด่านแรกที่ใช้ตัดสินว่าคนๆ นั้นมีตัวตน มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนตั้งแต่แรกพบ แถมยังมีมารยาทอีกมากมายเกี่ยวกับการแลกนามบัตรที่จำเป็นต้องศึกษาเอาไว้ถ้าต้องทำงานกับคนญี่ปุ่น
แต่บทความนี้ ผมจะมาชำแหละสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนนามบัตรญี่ปุ่นให้เพื่อนๆ เห็นว่า มันไม่ใช่แค่กระดาษใบน้อยที่บอกชื่อ อีเมล เบอร์โทรใช้ในการติดต่อกันเท่านั้น มันมีความซับซ้อนชวนปวดหัวแต่น่าสนใจอย่างมากซ่อนอยู่ถึง 4 ประการเลยทีเดียว
คุณเป็นใคร ตำแหน่งใหญ่แค่ไหนกัน?
เมื่อรับบัตรมาแล้ว สายตาที่กวาดไปหาสิ่งแรกที่ผู้รับอยากเห็นพอๆ กับชื่อของผู้ให้ ก็คือ “ตำแหน่ง” ของเจ้าของนามบัตรใบนั้นนั่นเองครับ เพราะการนัดหมายพูดคุยทางธุรกิจถือเป็นต้นทุนทางเวลาที่บริษัทต้องเสียไปอย่างแน่นอน จะนัดมานั่งคุยเล่น กินกาแฟกันขำๆ คงไม่ดีแน่ ดังนั้น การนัดกันหนึ่งครั้งต้องคุ้มค่าพอกับเวลาที่เสียไป เรื่องที่คุยกันจำเป็นต้องได้รับการสานต่อ ตำแหน่งในบริษัทของทั้งสองฝ่ายจะบ่งบอกว่าเขาคนนั้น มีอำนาจจะดำเนินการอะไรต่อไปจากนี้ได้บ้าง? ใหญ่พอจะสั่งการให้คืบหน้าได้หรือไม่? มิเช่นนั้นแล้วก็ไม่ควรเสียเวลาพูดคุยกันต่อ…ตำแหน่งบนนามบัตรจึงสำคัญเป็นอันดับต้นๆ นั่นเอง
บริษัทอะไร มีความน่าสนใจอย่างไร?
เรื่องต่อมาคือ ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของบริษัทจะถูกตัดสินจากที่ตั้งของบริษัทตามที่ระบุไว้บนบัตรนั่นแหละครับ ใช่แล้วครับ “ที่อยู่” ถูกจัดให้เป็นเครื่องมือสร้างภาพพจน์ให้กับบริษัทญี่ปุ่นโดยเฉพาะในโตเกียว ถ้ายิ่งบริษัทตั้งอยู่ในย่านที่ดินราคาแพงใจกลางโตเกียวอย่างกินซ่าแล้วล่ะก็ ภาพพจน์ของบริษัทจะเป็นที่ยอมรับ ยิ่งใหญ่ มีเกียรติ มีความมั่งคั่ง แค่เห็นที่อยู่ก็ดูเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพน่าคบค้าสมาคมด้วย ในขณะที่บริษัทที่อยู่ตามแถบชานเมือง แถบที่อยู่อาศัย หรือแหล่งบันเทิงต่างๆ ดูจะไม่เป็นที่นับหน้าถือตามากนัก
เช่าเขาอยู่ หรือเป็นเจ้าของตึก?
ที่อยู่ของบริษัทนอกจากจะบอกตำแหน่งที่ตั้งว่าอยู่ในย่านเมืองหรูหราหรือไม่แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นอีกว่าบริษัทนั้นๆ ตั้งอยู่ในที่ดินหรือตึกของตัวเอง หรือเพียงแค่เช่าที่ทำออฟฟิศเอาไว้เท่านั้น เพราะมันบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทได้อย่างชัดเจน บริษัทจำนวนไม่น้อยที่จดทะเบียนเอาไว้เป็นบริษัทก็จริง แต่ใส่ที่อยู่ไว้เฉยๆ ไม่มีออฟฟิศก็มีมากมาย เมื่อมีการตรวจสอบดูพบว่า กลายเป็นบ้านซะอย่างงั้น ถ้าสังเกตให้ดี บริษัทญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จทั้งน้อยใหญ่ นิยมที่จะมีตึกเป็นของตนเอง พร้อมกับประกาศศักดาด้วยป้าย Billboard ให้รู้เห็นกันไปทั้งโลกกันเลยทีเดียว
เบอร์โทรซับซ้อนแค่ไหน?
เบอร์โทรที่ซับซ้อน โอนแล้วโอนอีก กว่าจะถึงเจ้าตัวได้ก็ปาไปหลายบาทหลายนาที แม้ไม่สร้างความประทับใจเวลาโทร แต่มันสะท้อนภาพความซับซ้อนของโครงสร้างการบริหารงานในบริษัท นามบัตรญี่ปุ่นโดยส่วนมากจึงระบุเป็นเบอร์กลางไว้ก่อน แล้วจึงกำกับเลขหมายสำหรับต่อสายเข้าไปที่โต๊ะทำงานเจ้าของนามบัตรคนนั้น
แค่นามบัตรใบเล็กๆ คงจะไม่คิดว่ามันจะซับซ้อนขนาดนี้ใช่ไหมล่ะครับ แต่ตรงนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องเล็กน้อยบางเรื่องก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว นามบัตรญี่ปุ่นจึงสำคัญด้วยเหตุนี้ ถือเป็นประตูด่านแรกที่จะนำพาไปสู่อะไรอีกหลายอย่าง ถ้าหากต้องทำงานกับคนญี่ปุ่นแล้ว ลองพลิกนามบัตรตัวเองดูครับ ว่าเราสร้างประตูด่านแรกไว้ดีพอแล้วหรือยัง??